ถึงเวลาชาวพุทธต้องเข้มแข็งแล้ว !

 

 

     ภาพที่นำเสนอในวันนี้ คิดว่าท่านผู้อ่านคงจำติดตาติดใจได้อย่างดี และคงไม่มีวันจะลืมเลือนกันไปง่ายๆ ตราบใดที่เมืองไทยยังเป็นเมืองพุทธศาสนา

     มันเป็นความเจ็บปวดรวดร้าวอย่างสุดจะบรรยาย ไม่ต้องมีถ้อยคำอะไรมาจำนรรจา แม้ว่าผู้เขียนจะเป็นพระ บวชมาหลายสิบปีไม่เคยมีน้ำตาอาลัยให้แก่ใคร แต่วันนี้ก็ต้องน้ำตาตกเมื่อได้เห็นสภาพของเพื่อนสหธรรมิกผู้ร่วมอุดมการณ์ "สร้างสันติภาพให้แก่โลก" โดยการถือบรรพชา ซึ่งแปลว่า การงดเว้นจากการเบียดเบียนบีฑาใคร ไม่ว่าบุคคลนั้นจะนับถือศาสนาไหน แม้แต่สัตว์เดรัจฉานเรายังมิแตะต้อง อย่านับเลยว่าผู้นั้นจะเป็นคนถือศาสนาอื่นที่มิใช่พระพุทธศาสนา แต่ทว่าท่านเหล่านี้กลับต้องตกอยู่ในสภาพเช่นที่เห็นนี้ ทั้งๆ ที่ เราไม่มีอาวุธใดๆ ในมือเลย นอกจาก "อหิงสา" คือความไม่เบียดเบียนทำร้ายใคร แต่เหตุไฉนพวกคนใจทมิฬหินชาติมันยังทำกับผู้บริสุทธิ์ได้ลงคอ มันเป็นเดรัจฉานจำพวกเหี้ยตระกูลไหนชิงนรกมาเกิด !

     ผู้เขียนไม่ขอประณามไอ้สัตว์นรกเช่นนี้ แต่ขอสาปแช่งให้มันมีอันเป็นไป อย่าได้ตายดีก็แล้วกัน พวกมึงทั้งโคตรนั่นแหละ ใครทำ ใครสมรู้ร่วมคิด ใครให้ความร่วมมือ ใครให้กำลังใจ ใครดีใจ ใครเห็นดีเห็นงามที่เห็นพระสงฆ์สามเณรถูกทำร้ายรุนแรงเช่นนี้

    ขอกรรมจงสนองตอบคืนแก่คนผู้นั้นพวกนั้น !

    เพื่อว่าถ้าถึงทีมึงโดนจะได้รู้รสแห่งความเจ็บปวดบ้างว่า การถูกทำร้ายโดยไม่มีทางต่อสู้และไม่เคยคิดสู้เลยนั้น มันเป็นการกระทำที่มีประเภทเดียวเท่านั้นที่ทำลง นั่นคือ เดรัจฉาน !

    พวกมึงไม่ใช่คน !

   ถึงจะมีร่างเป็นคนก็มีวิญญาณเป็นสัตว์ !

   และกูก็ไม่กลัวมึงด้วย !

    

     เหตุผลดลใจที่ทำให้ผู้เขียนต้องหวนกลับมานั่งเขียนเพิ่มเติมตรงนี้ ก็ดังที่บอก "มันเป็นภาระหน้าที่ที่เราต้องประคับประคองดูแลกันและกัน" ในฐานะเพื่อนผู้ร่วมชาติศาสนา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก่อนเสด็จเข้าสู่มหาปรินิพพานได้ตรัสพระบรมพุทโธวาทไว้ในวินัยปิฏก จีวรขันธกะ มหาวรรค ว่า

 


     ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายไม่มีบิดามารดา ในยามป่วยไข้ ผู้ใดเล่าจะพึงพยาบาลเธอทั้งหลาย ถ้าหากว่าเธอทั้งหลายไม่ช่วยพยาบาลกันเอง ใครเล่าจะพยาบาล

     ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดจะพึงอุปัฏฐากเรา ผู้นั้นพึงพยาบาลภิกษุผู้อาพาธเถิด...
 

     

    นั่นคือพระมหากรุณาธิคุณประหนึ่งน้ำทิพย์ชะโลมใจในยามที่เกิดความอ้างว้างว้าเหว่ในยามเจ็บไข้ได้ป่วย เรา-พระภิกษุ-สามเณร ซึ่งมีชื่อเรียกรวมกันว่า สมณะศากยบุตร รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันทีเมื่อหวนรำลึกถึงพระพุทธโอวาทข้างต้นนี้

      ตรงนี้แหละ ที่พระพุทธองค์ทรงรับเราเข้าเป็นลูกอย่างสมบูรณ์โดยพฤตินัย

     เพราะมิใช่เพียงแค่ว่า เข้าสู่หัตถบาสอาสน์สงฆ์จำนวน 10 รูป สวดญัตติจตุตถกรรม ก็ผ่านการเป็นพระสงฆ์สมบูรณ์แล้ว

     หากแต่เรายังมีศีลและวัตรที่ต้องปฏิบัติขัดเกลา กระทั่งสมณสัญญาได้เข้าครอบครองร่างกายและจิตใจอย่างสมบูรณ์แล้ว นั่นจึงจะเป็นพระอย่างเต็มตัว

    นอกจากนั้น ในการปฏิบัติศาสนกิจเผยแผ่พระพุทธศาสนาเพื่อประโยชน์แก่ชาวโลกนั้น เรายังมีทีมงานผู้ร่วมอุดมการณ์เดียวกัน ได้แก่ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ปัจจุบันนับทั้งสามเณรเข้าไปด้วย

     ก่อนบวชนั้น ผู้จะขอบวชต่อสงฆ์ ต้องประกาศสละโลก โดยการลาบิดามารดา ลาภรรยาสามี ลาลูก สละสมบัติพัสถาน ประกาศตัวเองเป็น "อนาคาริก" คือคนไม่ครองเรือน ไม่มีสมบัติพัสถานใดๆ ให้เป็นสิ่งกังวลใจในการปฏิบัติธรรม รวมทั้งไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนใดๆ อีกต่างปาก ทั้งชีวิตแน่วแน่ก็แต่สิ่งเดียว คือ พระธรรม

     ดังนั้น พระพุทธองค์จึงทรงตรัสว่า พวกเราไม่มีพ่อไม่มีแม่แล้ว มีแต่หนึ่งเดียวที่ทรงเป็นทั้งพ่อและแม่ก็คือ สมเด็จพระบรมศาสดา

    ทรงเสียสละพระองค์ลงมาถึงขนาดว่า ถ้าใครอยากจะรักษาพระพุทธองค์แล้ว ก็ขอให้ช่วยรักษาพยาบาลพระภิกษุสงฆ์สามเณรเถิด

    ทรงยกย่องถึงขนาดว่า "มีอานิสงส์เทียมเท่ากับการพยาบาลพระองค์เอง" ทีเดียว !

   นั่นคือพระมหากรุณาธิคุณอันสูงสุด เป็นความห่วงใยในขณะที่เราบาดเจ็บหรือเจ็บป่วย

    ทรงเตือนเราให้ "ช่วยเหลือกัน" เพราะถ้าเราไม่ช่วยกันแล้วใครจะช่วย !

   ทรงย้ำว่า "อย่าทอดทิ้งกันนะ" เพราะว่าเราเป็นพี่น้องของกันและกัน !

     ทหารที่เข้าสู่สงคราม ต้องร่วมมือร่วมใจกันต่อสู้กับศัตรู หากว่ามีเพื่อนบาดเจ็บก็ต้องประคับประคองรักษาดูแลกัน ฉันใด

      พระภิกษุสงฆ์สามเณรก็ฉันนั้น เราคือนักรบแห่งกองทัพธรรม เมื่อมีใครในกองทัพของเราบาดเจ็บ สูญเสีย หรือทุพลภาพ เราก็ต้องอุตสาหะช่วยเหลือดูแลกัน

     ซึ่งหนึ่งในนั้น ผู้เขียนก็ต้องสรรเสริญท่านพระครูปลัดธิเบศ ฌานาภิญฺโญ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และพระวัดพระธรรมกาย ที่รีบรุดไปเยี่ยมพระผู้บาดเจ็บถึงโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว

     เป็นการปลอบขวัญและให้กำลังใจกันในเวลาวิกฤติอย่างทันท่วงที

    ซึ่งถ้าท่านเดินทางไปด้วยคำสั่งของเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ผู้เขียนก็ต้องขอขอบคุณไปยังเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายด้วย

    แม้ว่าก่อนหน้านี้และต่อๆ ไป ผู้เขียนได้ประกาศว่า "เดินคนละเส้นทางกับธรรมกาย"  ตลอดมาและตลอดไป ไม่มีเปลี่ยนแปลง ก็ตาม

    แต่วันนี้มิใช่เวลาจะมาทะเลาะกันในระหว่างชาวพุทธ ไม่ว่านิกายไหนๆ

    เมื่อศึกประชิดเมือง เราก็ต้องหันหน้าเข้าหากัน เรื่องอื่นๆ ค่อยว่ากันวันหลัง !

    ดังนั้น วันนี้จึงขอกล่าวคำว่า "ขอบคุณในน้ำใจที่ท่านมีต่อผู้ร่วมศาสนาเดียวกัน"

    ด้วยความจริงใจ !

 

คณะสงฆ์วัดพระธรรมกายเข้าเยี่ยมให้กำลังใจพระภิกษุที่ถูกลอบวางระเบิด
ที่โรงพยาบาลนราธิวาส ในเวลา 13.00 น. วันที่ 23 ตุลาคม 2549

 

     และแน่นอนว่า ผู้เขียนและคณะพระสงฆ์ อุบาสก อุบาสิกา วัดไทย ลาสเวกัส รัฐเนวาด้า สหรัฐอเมริกา มิได้นิ่งนอนใจในชะตากรรมของเพื่อนผู้ร่วมศาสนาของท่านทุกรูปในเหตุการณ์ดังนำเสนอด้วยภาพนี้

    เราพร้อมช่วยเหลือทุกวิถีทางที่เราจะสามารถกระทำได้

   เราจะไม่ทอดทิ้งให้ท่านต้องอ้างว้าง ว้าเหว่

   แม้ว่า ในอนาคต ท่านจะต้องพิการหรือไร้คนดูแล

   แต่..เราจะติดตามข่าวสารของท่าน และจะช่วยเหลือท่านจนสุดความสามารถ

     แม้ว่า วัดไทย ลาสเวกัส จะมิใช่องค์กรใหญ่โตโอ่โถงมีเงินเป็นแสนเป็นล้านก็ตาม

    แต่เราจะช่วยเท่าที่เราจะกระทำได้

    อย่างน้อยก็เพื่อขอให้ท่านได้อบอุ่นใจว่า "ยังมีคนห่วงใยท่านอยู่-คือเรา"

  

    เหนือสิ่งอื่นใดในการเขียนคอลัมน์วันนี้ ก็คือ เราชาวพุทธต้องรู้รักสามัคคี ต้องรู้จักระมัดระวังป้องกันตัวเองจากคนที่มองพวกเราเป็นศัตรู แม้ว่าเราจะมิเคยคิดว่าใครเป็นศัตรูของเรา และเราไม่เคยทำร้ายใครก็ตาม แต่ก็ "ประมาทไม่ได้"

    ภาพที่เห็นนี้เป็นตัวอย่างอันดีที่สุดที่ต้องรีบลุกขึ้นเพื่อประสานมือกัน สร้างสรรค์ความเข้มแข็งระหว่างชาวพุทธ ได้แก่ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา และสามเณร

    เรา..อ่อนโยนนั้นได้ แต่..อ่อนแอไม่ได้ !

   จึงขอกล่าวต่อเพื่อนสหธรรมิกทุกๆ ท่านไว้ ณ ที่นี้ว่า

   ถึงเวลาแล้ว ที่เราท่านจำต้องจับมือกัน สร้างสรรค์งานพระศาสนา สร้างความแข็งแกร่งให้แก่พระพุทธศาสนาในทุกๆ ด้าน ขอได้โปรดอย่าชักช้าหรือรีรออะไร

    เพราะว่า แม้แต่วันนี้ก็..อาจจะสายเกินไป

    


พระมหานรินทร์ นรินฺโท
วัดไทย ลาสเวกัส รัฐเนวาด้า สหรัฐอเมริกา
24
ตุลาคม 2549
10:00 P.M. Pacific Time.

 

 

 
E-Mail ถึง บก.
peesang2003@hotmail.com

All Right Reserved @ 2003
This Website Sponsored by

 

www.alittlebuddha.com เจ้าของ : วัดไทย ลาสเวกัส 2920 McLeod Dr. Las Vegas Nevada 89121 USA (702) 384-2264