แปลกแต่จริง ใครๆ เขาก็อ้างว่า
"ทำงานเพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์"
กันทั้งนั้น
 


 

      วันนี้มีเรื่องมาเล่าสู่กันฟัง จะเล่าไว้ในวัยสนธยาเหมือนหลวงพ่อพุทธทาสท่านทำก็กลัวจะล้าหลังไป สมัยปัจจุบันอัพเดทข่าวช้าไปไม่กี่นาที คนหนีไปอ่านเว๊บอื่นหมดแล้ว มาม่าหรือจะสู้ไวไว จริงไหม ? ขอเล่าเรื่องแปลก (ใจ) ที่ข้าพเจ้าได้รู้ได้เห็นดังต่อไปนี้

          พระสมเด็จบางองค์ (ไม่ใช่พระสมเด็จวัดระฆัง) เก่งกาจขนาดว่า "ส่งกระแสจิตไปนิมนต์พระต่างวัดได้" แต่กรณีมี "คนปลอมลายเซ็นของตนไปใช้หาผลประโยชน์" ท่านกลับ "ไม่ทราบ" มหัศจรรย์ไหม ?

     หลวงพ่อบางองค์ เก่งกาจขนาดว่า "ออกเหรียญให้ห้อยคอเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ" แต่ตัวเองกลับ "เกิดอุบัติเหตุเสียเอง" มหัศจรรย์ไหม ?

     คนไทยส่วนใหญ่ป่วยไข้รีบวิ่งไปวัด ไปไหว้หลวงพ่อหลวงปู่ ควักเงินทำบุญทำสังฆทาน อธิษฐานจิตต่อหลวงพ่อหลวงปู่ ขอให้คุ้มครองป้องกัน "ให้ลูกหายป่วยหายไข้" หลวงปู่ท่านก็เมตตาอนุเคราะห์ไว้ทั้งคนไข้และสังฆทาน กาลต่อมาปรากฏว่า เมื่อหลวงพ่อหลวงปู่ป่วย ศิษย์ผู้ใกล้ชิดกลับรีบนำส่ง "โรงหมอโรงแพทย์" เก่งระดับไหนก็ไม่พ้นมือหมอ มหัศจรรย์ไหม ?

     หลวงพ่อบางองค์ออกเหรียญออกผ้ายันต์ กันผีกันเปรต กันตกนรก กันคุณไสย กันเสนียดจัญไรต่างๆ สารพัดกัน แต่มีข่าวว่า "ตีนแมวขึ้นกุฏิหลวงพ่อ ยกเค้าเอาเงินไปเกลี้ยง" มหัศจรรย์ไหม ?

    พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทำงานหนักยิ่งกว่าซุปเปอร์แมน มีนักวิชากิจวิชาการวิพากษ์วิจารณ์สารพัด ด้วยความเหนื่อยจึงออกมาระบายอารมณ์ว่า "คนพวกนี้ไม่รักชาติบ้านเมือง" นักวิชาการและสื่อสารประชาชนเหล่านั้นก็ท้วงติงว่า "ท่านนายกอย่าผูกขาดรักชาติไว้คนเดียว ไม่ใช่ว่าคนจนหรือคนสามัญ ไม่ได้เป็นนายร้อยนายพันนั้น จะรักชาติน้อยไปกว่าคนที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี" นี่เป็นประเด็นเปรียบเทียบ

     ต่อมา เมื่อเกิดปัญหาแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช พระธรรมวิสุทธิมงคล (พระมหาบัว ญาณสมฺปนฺโณ) วัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี นำพลพรรคพระป่านับพันนับหมื่นออกมาเคลื่อนไหวให้ "ปลดสมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชตามประกาศแต่งตั้งของรัฐบาล และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ผู้ลงนามแต่งตั้ง" ออกจากตำแหน่ง ด้วยข้อหา "สมรู้ร่วมคิด ปล้นสิทธิ์และอำนาจของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชไป" และ "ละเมิดพระราชอำนาจ" รวมทั้ง "ขอให้ถวายอำนาจคืนแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยในการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช ด้วยพระราชอำนาจสมบูรณ์"

     หลวงตาบัวท่านอ้างว่า "เทิดทูนบูชาชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์" ไว้สูงสุด ขนาดว่ายอมตายถวายชีวิตได้ "เป็นเสียงอรรถเสียงธรรม" ว่างั้น ทั้งๆ ที่ใครฟังก็ได้ยินน้ำหมากที่กระเด็นนั้นเป็น "เสียงด่า" แต่ไม่มีใครว่า "หลวงตาบัวท่านผูกขาดการรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ไว้แต่เพียงคนเดียว" ดังนี้เลย มหัศจรรย์ไหม ?

      งานนี้ มองในแง่ของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ท่านเห็นว่า "สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช นั้น ทรงชราภาพมาก พระเนตรพระกรรณก็อ่อนล้าไปตามสังขารที่ร่วงโรย โดยเฉพาะพักหลังมานี้ มีพระลิขิตออกมาอย่างผิดสังเกต" จึงตัดสินใจดำเนินการ "แต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช โดยมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ ป.ธ.9) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เป็นองค์ประธาน" เพื่อให้งานพระศาสนาดำเนินต่อไปได้ เป็นการ "ปกป้องพระเกียรติยศของพระองค์ ช่วยแบ่งเบาสังฆราชภาระ" และ "ขจัดกระบวนการบริวารเป็นพิษแบบนิ่มๆ เพราะไม่อยากทำอะไรโฉ่งฉ่าง ไม่งั้นสมเด็จพระสังฆราชเสียหาย" ทั้งนี้ "สมเด็จพระสังฆราชก็ยังเป็นสมเด็จพระสังฆราช" เพราะรัฐบาล "มิได้ตั้งสังฆราช" รัฐบาลเพียงแต่ "ตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช"

     งานนี้ถ้ามองในแง่ดีก็จะเห็นว่า "ดีเหมือนกัน สมเด็จญาณสังวรท่านจะได้พักผ่อน งานพระศาสนาก็จะไม่ขลุกขลัก คนรอบข้างเช่นพรรคพวกห้องกระจกก็จะไม่เหิมเกริม" แต่ถ้ามองในแง่เสีย (ของดใช้คำว่าแง่ร้าย) แบบหลวงตาบัวและพระวัดป่า ก็อาจจะเห็นว่า "บังอาจพักงานสมเด็จพระสังฆราช ปล้นอำนาจพระองค์ไปหน้าตาเฉย ยูเป็นใคร ใหญ่มาจากไหน เฉน็งไอ-ไฉนเอ็งบังอาจกระทำการอุกอาจเช่นนี้ สมเด็จพระสังฆราชนั้นได้รับการแต่งตั้ง (เรียกเป็นภาษาทางการว่า สถาปนา) โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้วตัวเป็นเพียงทหารเลว บังอาจมาลบล้างพระบรมราชโองการตั้งสมเด็จพระสังฆราชซ้อน"

     การตัดสินใจ "รับเป็นประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช" ของ "สมเด็จพระพุฒาจารย์" (เกี่ยว อุปเสโณ ป.ธ.9) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ซึ่งมีอาวุโสสูงสุดในมหาเถรสมาคมนั้น ท่านรับไว้ด้วยเมตตาธรรม เห็นแก่คำขอร้องของรัฐบาล เพื่อให้งานพระศาสนาลุล่วงไปได้ไม่ติดขัด เสียสละเนื้อๆ แต่คนกลับมองว่า "ท่านกระหายอำนาจ อยากเป็นสังฆราชเสียเอง"

     สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เอง เมื่อเกิดความผิดปรกติขึ้นในสำนักงานสมเด็จพระสังฆราช มีประกาศแต่งตั้งลงพระนามของพระองค์ออกมาแบบผิดฝาผิดตัวบ่อยๆ แม้กระทั่งเรื่องตั้ง "พระมนตรี ศิษย์ก้นกุฏิจบแค่ ประโยค 1-2 คือว่าได้เป็นมหาเพียงครึ่งใบ" ให้เข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมการมหาเถรสมาคม ผู้คน (โดยเฉพาะพระสายวัดป่าเช่น หลวงตาบัว และผู้เลื่อมใสเช่น นายสนธิ ลิ้มทองกุล เจ้าของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ) น่าจะเห็นว่า "เป็นความแก่หง่อมของสังขาร สมเด็จญาณฯ วันนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือก็เป็นการดี"

     แต่ท่านเหล่านี้กลับเห็นว่า "บังอาจ สมเด็จพระสังฆราชนั้น ทรงมีคุณธรรมสูงส่งไม่มีใครทัดเทียม ขนาดทรงเข้าอิทธิบาท 4 เจริญอายุอยู่ได้ถึง 1 กัป เหมือนกับพระพุทธเจ้า ในอดีตทรงเคยใช้กระแสจิตนิมนต์พระมางานหลวงแทนการใช้โทรศัพท์มาแล้ว" จึงเชื่อว่า "สมเด็จญาณสังวรท่าน ยังทรงงานไหว" เพราะไม่งั้นจะทรงลงพระอุโบสถทำสังฆกรรมได้หรือ ? "ข้ออ้างของรัฐบาลฟังไม่ขึ้น" ว่างั้น

     ข้อหานี้ นายกรัฐมนตรีเคยแก้ต่างว่า "ที่รัฐบาลตัดสินใจแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชไปนั้น เพราะเห็นว่า สมเด็จพระสังฆราชทรงพระชราภาพมาก ต้องเสด็จไปประทับที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์บ่อยๆ จะให้ยกตำหนักสมเด็จไปไว้ที่โรงพยาบาลก็เห็นจะไม่ไหว อีกทั้งเรื่องพระลิขิตปริศนาก็ออกมาอย่างต่อเนื่อง จึงต้องตัดปัญหาด้วยวิธีการดังกล่าว ทั้งนี้เพื่อถวายโอกาสให้พระองค์ทรงพักผ่อน ถ้าทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงดีแล้ว ก็จะถวายพระอำนาจคืน" และว่า "ที่ว่าทรงป่วยชราภาพมากนั้น ก็มิใช่ว่าจะต้องป่วยจนทำอะไรไม่ได้ แต่ทว่าทรงทำงานในตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชอันหนักนั้นเกรงจะเกินพระกำลัง" ตรงนี้นายกรัฐมนตรีไม่ได้ยกตัวอย่างพระลิขิตปริศนา เพราะถ้ายิ่งต่อก็จะยิ่งยาว ยิ่งสาวก็คงยืดเยื้อ ใครได้ฟังก็คิดเอาเองก็แล้วกัน

     เรื่องการทูลถวาย "ฎีกา" ของหลวงตามหาบัวกับคณะ ด้วยอ้างว่า "ตนเองเดือดร้อน" มิใช่ "สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ทรงเดือดร้อน"

     เมื่อ พ.ศ.2503 กรณีพระพิมลธรรม (อาจ อาสโภ ป.ธ.8) วัดมหาธาตุฯ ถูกผู้มีอำนาจกลั่นแกล้ง ตอนนั้น "คณะสงฆ์วัดมหาธาตุฯ รวมตัวกันทำฎีกาถวายสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์" เพื่อขอความเป็นธรรมให้พระพิมลธรรม

    เมื่อวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ.2548 กรณีสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้รับการยกให้ทรงพักผ่อน ปรากฏว่า คณะสงฆ์วัดบวรนิเวศ เขตบางลำพู ไม่มีใครทำฎีการ้องเรียนเลย แต่ผู้ทำฎีกาถวายกลับกลายเป็น "หลวงตามหาบัวและคณะพระสายวัดป่าในภาคอีสาน" นับเป็นเรื่องที่แปลกแต่จริง

     สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ก็ทรงดำรงตำแหน่งสกลมหาสังฆปริณายก ทรงรับภาระธุระพระศาสนา เพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

     สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถร) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ก็ครองสมณศักดิ์ชั้นสุพรรณบัฏ และดำรงตำแหน่งกรรมการมหาเถรสมาคมโดยตำแหน่งมายาวนาน การเข้ารับตำแหน่งผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชก็เพื่อ "ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์"

    พระธรรมวิสุทธิมงคล หรือหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด อุดรธานี ก็มีเจตนาเสียสละ "เพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์" อย่างใหญ่หลวง ถึงขนาดยอมลงทุนตั้งโครงการบิณฑบาตเงินทองช่วยชาติมาแล้ว

     หลวงตาบัวเองก็การันตีท่านนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่าเป็นนายกที่ดีเลิศประเสริฐศรีที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีนายกรัฐมนตรีมา ท่านนายกรัฐมนตรีจึงเป็นผู้ที่เสียสละ "เพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์" เช่นกัน

     ทุกท่าน ทุกรูป ทุกองค์ และทุกคน เมื่อจะกระทำกิจการงานในตำแหน่งหน้าที่นั้น ก็สรรเสริญพระคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระราชวงศ์จักรี เป็นศรีแก่บ้านแก่เมือง

แต่แปลกจริง !

     ไฉนว่า เมื่อท่านเหล่านี้ลงมือทำงานตามภาระหน้าที่ที่ตนเองได้รับผิดชอบ ด้วยความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์แล้ว ยจึงขัดกันบรรลัย !!

 

พระมหานรินทร์ นรินฺโท
วัดไทย ลาสเวกัส รัฐเนวาด้า สหรัฐอเมริกา
5 มีนาคม 2548
เวลา แปซิฟิกโซน
10:00 a.m.

 

 

 
E-Mail ถึง บก.
peesang2003@hotmail.com

All Right Reserved @ 2003
This Website Sponsored by

 

www.alittlebuddha.com เจ้าของ : วัดไทย ลาสเวกัส 2920 McLeod Dr. Las Vegas Nevada 89121 USA (702) 384-2264