Globe
หรือ
Global
นั้น ท่านแปลว่า
โลกหรือลูกโลก
หมายถึงโลกทั้งใบ
Globalization
ท่านแปลงเป็นภาษาไทยว่าโลกานุวัตน์
แล้วเปลี่ยนเป็นโลกาภิวัตน์ หมายถึงสิ่งที่เกี่ยวข้องหรือสัมพันธ์กันทั้งโลก อธิบายง่าย ๆ
ก็คือว่า มันกระทบถึงกัน เชื่อมโยงไปหากันทันทีทันใด
หรือไม่ก็ไม่ช้านานเกินไป เรียกว่า
พอเกิดอะไรขึ้นที่หนึ่งก็จะส่งผลไปถึงอีกพื้นที่หนึ่งให้ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน
ปฏิกิริยาเช่นนี้เหมือนลูกโซ่ซึ่งร้อยติดกันไป ถ้าหัวดิ้นก็กินไปถึงหาง
ถ้าหางดิ้นก็กินไปถึงหัว หรืออีกตัวอย่างหนึ่งก็คือไพ่โดมิโน
ซึ่งเริ่มจากไพ่ใบแรกล้มก่อน แล้วก็ทับไพ่ใบที่สอง แล้วสองก็ทับสาม สามทับสี่
ไล่ไปจนถึงไพ่ใบสุดท้าย ต่อเนื่องกันไปจนสิ้นสุด นั่นเป็นวงจรในระบบโกบะไลซ์เซชั่นที่ว่ามานี้
ทีนี้เรามามองดูวงจรและผลกระทบของระบบที่ว่านี้กันซักทีดีไหม ข่าวร้าย ๆ
ที่เกิดขึ้นแทบทุกมุมโลกในเวลานี้ ก็มีปฏิกิริยาเช่นเดียวกัน นั่นคือแผ่กระจายขยายผลส่งผลให้คนทั่วโลกได้รับรสเหมือนกันหมด เหมือนแจกเงินปันผลของการเล่นหุ้นหรือคนเล่นไพ่ในวงเดียวกันซึ่งต้องมีส่วนได้และส่วนเสีย
คนบนโลกในทุกประเทศจึงเปรียบเสมือนพนักงานบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง
หรือผู้ร่วมลงทุนที่ถือหุ้นไว้คนละตัวสองตัว
วันที่ 11
มีนาคม ที่ผ่านมา เกิดเหตุระเบิดรถไฟในประเทศสเปน ส่งผลให้คนตายและเจ็บนับพัน
อีกสองสามวันต่อมานายกรัฐมนตรีคนเก่าก็สอบตก ฝ่ายค้านได้เป็นรัฐบาลแทน
แล้วรัฐบาลใหม่ของสเปนก็เปลี่ยนนโยบายจากการหนุนกำจัดผู้ก่อการร้าย
และส่งทหารไปช่วยสหรัฐอเมริการักษาความปลอดภัยในอิรัก ก็ประกาศงดหมด
ไม่เอาอีกต่อไปแล้ว เพราะเวลาเราตายไม่มีใครเขาช่วย
แต่เวลาเขาจะได้ก็มาขอเราไปช่วย แบบว่าเอ็นดูเขาเอ็นเราขาด
เหตุการณ์นี้ลามปามถึงขั้นว่า
นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของสเปนประกาศสนับสนุนผู้ท้าชิงประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาจากพรรคเดโมแครตคือนายจอห์น
แครี่
ขึ้นเป็นประธานาธิบดีอเมริกาแทนประธานาธิบดีจอร์จ
ดับเบิลยู บุช เลยทีเดียว จากบอมพ์รถไฟก็กลายเป็นการเมืองข้ามชาติไปในพริบตา
ต่อมา
เวลาเช้าตรู่ วันจันทร์ ที่ 22 มีนาคม ที่ผ่านมา ขณะนายชี๊ค
อาเหม็ด ยัสซิน
หัวหน้ากลุ่มปาเลสไตน์ "ฮามาส"
กำลังเดินออกจากสุเหร่าใกล้บ้านในเขตฉนวนกาซ่า
ถูกโจมตีเป็นขีปนาวุธจากเครื่องบินรบโดยทหารของรัฐบาลประเทศอิสราเอล
ส่งผลให้ร่างกายของนายชี๊ค อาเหม็ด
ยัสซิน แหลกเหลวไปทันที
และทันทีเช่นกันว่า
ชาวปาเลสไตน์ย่อมจะคลั่งแค้นต่อการกระทำครั้งนี้ของรัฐบาลอิสราเอลเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม
ปาเลสไตน์และยิวนั้นเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันมาเนิ่นนาน
และเป็นการถาวรยิ่งขึ้นเมื่อสหประชาชาติมีอังกฤษและสหรัฐอเมริกาเป็นหัวหน้า
ประกาศให้พื้นที่ในเขตปาเลสไตน์
(ซึ่งถูกตีและยึดได้โดยอังกฤษในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2) เป็นถิ่นฐานถาวรของชาวยิว
ชาวอาหรับทั้งปวงเลยรวมตัวกันต่อต้านยิวตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
(ยิวประกาศเอกราชในพื้นที่ปาเลสไตน์ในวันที่
14 พฤษภาคม 1948) และจากนั้นสงครามในดินแดนแห่งนี้ระหว่างอาหรับกับยิวก็ไม่เคยมอดดับ
สู้กันทุกรูปแบบทั้งมวยหมู่ ตัวต่อตัว ตาต่อตาฟันต่อฟัน และถ้าถูกถอนฟันจนหมดปากก็หันไปเล่นกันข้างหลัง คือจากที่ใช้ทหารฆ่ากัน
ก็หันไปใช้พลเรือนซึ่งก็คือประชาชนคนธรรมดา และลงไปจนกระทั่งว่า
สตรีและเด็กก็ถูกนำเข้าไปสังเวยสงครามล้างผลาญเผ่าพันธุ์กันด้วย โดยระยะหลัง
ๆ
มานี้ใช้วิธีขนระเบิดใส่ระขับเข้าชน โดยคนขับก็ยอมตายไปด้วย
เรียกว่าหนึ่งแลกร้อย บางครั้งก็ผูกระเบิดติดกับตัวเองแล้วเข้าไปดึงชนวนในกลุ่มชนของฝ่ายตรงข้าม
เรียกว่าระเบิดพลีชีพ
การก่อการร้ายพลีชีพที่โด่งดังที่สุดในโลกก็คือ
9/11
หรือวันที่ 11 กันยายน 2001
ซึ่งผู้ก่อการร้ายไม่ทราบสัญชาติ แยกกันดำเนินการจี้เครื่องบินโดยสารหลายลำ
บังคับให้นักบินนำเครื่องบินเข้าชนกับจุดสำคัญของประเทศสหรัฐอเมริกา เช่น
เวิลด์ เทรด เซ็นเตอร์
กลางเกาะแมนฮัตตัน รัฐนิวยอร์ค
ซึ่งเป็นศูนย์ธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกาและเป็นศูนย์กลางการเงินของโลก
เพนตากอนหรือกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกา
และแคมป์เดวิด
ซึ่งเป็นที่พักผ่อนสุดสัปดาห์ของประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นอภิมหาอำนาจ
เป็นต้น
เหตุการณ์ครั้งนั้น ประธานาธิบดี
จอร์จ ดับเบิลยู บุช
ถึงกับประกาศ
"American
we stand"
ประกาศสงครามกับการก่อการร้ายในทุกรูปแบบ ทุกประเทศชาติศาสนา ไม่ว่าใคร
ถ้าอเมริกาสงสัยว่าเป็นผู้ก่อการร้าย หรือผู้สนับสนุนการก่อการร้าย
หรือสงสัยว่าจะก่อการร้าย ก็จะเข้าไปทำลายต้นตอทันที
ไม่รีรอให้โจมตีอเมริกาก่อนเหมือนญี่ปุ่นสั่งสอนไว้ในต้นสงครามโลกครั้งที่ 2
ที่เพิร์ล ฮาเบอร์ อีกต่อไปแล้ว และจากนั้นก็มีสงครามกับ
อัฟกานิสถาน-อิรัก
และล่าสุดก็อิสราเอลเดินรอยตามอเมริกา ยิงขีปนาวุธสังหารผู้นำชาวอาหรับกลุ่ม
"ฮามาส"
ดังกล่าว
โลกร้อนขึ้น
หุ้นตก
เดินทางไปไหนมาไหนยากเย็น ต้องตรวจต้องค้น ไม่ว่าคนไหน จะเป็นใครก็ไม่สนใจ
เพราะเขาไม่ไว้ใจใคร ไม่มีใครในโลกนี้ที่น่าไว้วางใจอีกต่อไป ใบหน้าสวย-ใส-ซื่อ หรือดูเซ่อ ๆ เผลอ ๆ ก็ไม่แน่ อาจจะดุร้ายขึ้นมาอย่างกระทันหันเหมือนเสือหรือแมวซึ่งเปลี่ยนอารมณ์ง่ายก็ได้
ทั้ง ๆ ที่บริษัทผลิตเครื่องบินประกาศไว้ล่วงหน้าแล้วว่า
ต่อไปเครื่องบินโดยสารจะบินได้ไวกว่าเดิม อย่างไปเมืองไทยถ้าใช้เวลาประมาณ 18
ชั่วโมงบิน ก็อาจจะลัดเหลือเพียง 10 ชั่วโมงหรือไวกว่านั้น
นั่นเป็นสิ่งที่ควรคิดกันอย่างยิ่ง สมัยโบราณนั้น แม้ว่าการจราจรจะชักช้า
อย่างเดินจากฝางบ้านเกิดผู้เขียนเข้าเมืองเชียงใหม่ก็ต้องใช้เวลานานนับอาทิตย์
ต่อมาถนนหนทางดีขึ้นเรื่อย ๆ ก็รวดเร็วขึ้นตามลำดับ จนแทบว่าจะกำหนดเวลาได้
แต่ทำไปทำมากลับมาติดไอ้ระบงระเบียบบ้าบอนี่อีก
แถมมันยังนานกว่าเวลาเดินทางด้วยสิ นี่แหละโกบะไลซ์เซชั่น
"เกย์แต่งงาน"
ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งโยงกันไปทั้งโลก เริ่มที่รัฐแมสสาจูเสต
ที่มีเมืองดังชื่อบอสตันนั่นแหละ ศาลสูงประกาศว่า
"การห้ามมิให้เกย์และเลสเบี้ยนแต่งงานกันนั้นเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ"
แล้วจากนั้น พวกเกย์ เลสเบี้ยน และลักเพศทั้งหลาย ก็ฮือฮาพากันไปจดทะเบียนสมรสออกทีวี
กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันยิ่งกว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวชายจริงหญิงแท้เสียอีก
บัดนี้ทราบว่าลามไปทั่วสหรัฐอเมริกาและแคนาดาแล้ว
โลกทุกวันนี้มีความสะดวกสบายมากมายก่ายกอง อยากกินพิซซ่าก็โทรสั่งเอา อะไร ๆ
ก็ทูโก แต่ในระบบการติดต่อสื่อสารนั้นก็อันตรายเช่นกัน เพราะมันเป็นดาบสองคม
สื่อลามกอนาจารต่าง ๆ เต็มไปหมดทั้งโลก ความคิดเห็นเป็นอิสระเสรีมีอยู่ในทุกเวปไซด์
ไม่รู้ใครเป็นใคร ใครก็ได้ที่ใช้
"Net"
เป็น ก็เข้าไปเล่น ถ้าครึ้มอกครึ้มใจอยากจะแสดงความเห็นก็โพสกันเข้าไป
จะดีหรือไม่ดี ได้เรื่องหรือเสียเรื่อง
หรือทำไปเพราะอยากหาเรื่องเป็นการเฉพาะ
"ก็ทำได้" ไม่มีใครจับ
ไม่มีใครติดตามเรื่อง
เพราะบางทีก็เป็นเรื่องส่วนตัวที่เจ้าตัวอาจจะไม่ได้มาดูด้วยตา
ทว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้น
"เพียงพริบตาเดียว"
"คุณอนันต์ โทษมหันต์"
จึงเป็นนิยามของการมีเทคโนโลยี
IT
(Information Technology)
ที่กำลังเปลี่ยนวิถีชีวิตคนทั้งโลกให้สื่อสารถึงกันภายในพริบตา ทว่ายิ่งรวดเร็วเข้าเท่าใด ต่อไปก็อาจจะถูก
"เซ็นต์เซอร์" มากยิ่งขึ้นเท่านั้น
และไม่แน่นะ กว่าจะเข้าระบบได้
มันอาจจะช้ากว่าสมัยเดินเท้าเข้าเมืองเมื่อร้อยปีมาแล้วก็เป็นได้
เพราะโลกวันนี้ไม่มีใครไว้วางใจใครจริง ๆ
เหตุการณ์ต่าง ๆ
เหล่านี้ เป็นที่น่าทึ่งว่า ถ้าจะมองในแง่ของศาสนาก็สามารถนำมาวินิจฉัยได้
ว่า "ผิด"
หรือ "ถูก"
ควรหรือไม่ควร หากแต่ถ้าใช้รัฐธรรมนูญเพียงประการเดียวแล้วก็อาจจะตัดประเด็น
"ศาสนา"
หรือ "ศีลธรรม"
ทิ้งไป เพราะคำว่า
"สิทธิและเสรีภาพ"
รู้สึกว่าจะยิ่งใหญ่กว่ากฎเกณฑ์ทางศาสนาและศีลธรรมอันดีงามของสังคม ยิ่งศาสนิกของบางศาสนาที่เอาเรื่องศาสนามาอ้างทำสงครามเพื่อพระเจ้า
นั่นยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ ในอเมริกานี้
โรงเรียนประถมและมัธยมมีกฎหมายห้ามมิให้สอนวิชาศาสนาในโรงเรียน
เนื่องเพราะเคยมีปัญหากระทบกระทั่งกันมาก่อนแล้ว เพื่อตัดไฟเสียแต่ต้นลม
จึงออกกฎหมายบังคับไว้ ในฐานะที่บางศาสนาก็เป็นปัญหาให้ต้องออกกฎหมายควบคุม
สถานภาพของศาสนาซึ่งแต่เดิมนั้นสูงส่ง
และอาจจะเป็นถึงรัฐธรรมนูญของรัฐด้วยก็ได้ กลับถูกยุบอำนาจลงเหลือเพียง
"กฎศีลธรรมของคนบางกลุ่มซึ่งสมัครใจ"
เท่านั้น นั่นก็เป็นโลกาภิวัตน์
เมื่อวานซืนนี้
นางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช
สมาชิกวุฒิสภาจากจังหวัดขอนแก่น
ก็ออกมาเรียกร้องให้พระสงฆ์บวชสตรีเป็นภิกษุณีเสียที แถมยังบอกว่า คำสั่งของกรมหลวงชินวรสิริวัฒน์
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า วัดบวรนิเวศ
ซึ่งออกมาตั้งแต่ วันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2471
ก่อนจะมีรัฐธรรมนูญฉบับแรกในเมืองไทย (พ.ศ. 2475) ตั้ง 4 ปี นั้น
"ผิดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พ.ศ. 2540 จึงต้องยกเลิก เพราะถือว่าเป็นโมฆะ"
ว่างั้น นั่นก็โกบะไลซ์เซชั่นที่ใกล้ตัวคนไทย
แน่ใจได้ว่า
เวลานี้เราไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก
และไม่สามารถจะเอาโลกทั้งใบไปให้นงให้นายที่ไหนเพียงคนเดียวได้
หากแต่ว่าเราต้องอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
มีกำหนดกฎเกณฑ์ในสิทธิและเสรีภาพอย่างยืดหยุ่นพอดี
กินข้าวก็เผื่อของหวานและน้ำบ้าง อย่ากินจนล้นกระเพาะอาหาร เดี๋ยวจะอ๊วกหรืออ้วนเกินพิกัด
เพราะพระพุทธองค์ตรัสว่า
"อะไรก็ตามที่เกินพอดีนั้น ไม่ดี"
นะ โยมระเบียบรัตน์นะ
สวัสดี
|