กระแสวันมาฆบูชาน่าละเหี่ย
 


 

  รู้สึกว่าผู้เขียนจะเคยเขียนเกี่ยวกับความสำคัญของพุทธมณฑลไว้ที่ไหนซักแห่ง คงอยู่แถวๆ ในเวปนี่แหละ ท่านที่สนใจขอได้โปรดค้นหาดู เออ อยู่ในเรื่อง "สร้างศูนย์บัญชาการพระพุทธศาสนาที่พุทธมณฑล" อยู่ในข่าววิเคราะห์เก่าปี 2546 น่ะ

      ที่นำเอาเรื่องนี้มารีไซเคิลอีกก็เพราะเห็นข่าววันมาฆบูชาที่ผ่านมา ปรากฏว่า ที่พุทธมณฑลนั้นมีคนไปร่วมงานกันกะหรอมกะแหรม คำว่ากะหรอมกะแหรมในที่นี้ ผู้เขียนคิดเทียบเอาจากจำนวนประชาการชาวพุทธ 95 % จากประชากรไทยทั้งประเทศราว 65 ล้านคน ปรากฏว่ามีคนไปไม่กี่พันคนเอง สู้จำนวนม็อบ กฟผ.ยังไม่ได้เลย

     นี่แหละที่มหาเถรสมาคมและพลตำรวจโท อุดม เจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ควรจะนำมาวิเคราะห์หาเหตุผลเป็นการด่วนว่า "ทำไม คนไทยจึงสนใจวันมาฆบูชาน้อยมาก ทั้ง ๆ สื่อต่าง ๆ ก็ประโคมข่าวเอาใจช่วยอย่างเต็มกำลังแล้ว"

      ก็อย่างที่บอกว่า ถ้าหากตัวผู้นำไม่สนใจ ไม่เอาเรื่องเอาราว แล้วจะให้ผู้ตามไปนำนั้นมัน Impossible ไม่มีทางเป็นไปได้ เราไล่ไปดูสิ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ก็ทรงพระประชวร ต้องพักรักษาพระองค์อยู่ในโรงพยาบาล เอ้า ยกพระองค์ไว้ในฐานะคนป่วย

     แล้วไล่ไปในมหาเถรสมาคม ทั้งฝ่ายมหานิกายและธรรมยุติ มีแต่เพียงสมเด็จพระมหารัชชมังคลาจารย์ วัดปากน้ำภาษีเจริญ ไปร่วมงานในตอนเย็น ตอนเช้าและบ่ายก็ให้พระเด็ก ๆ ไปทำกิจกรรมแบบร้องเพลงรอไปก่อน ส่วสมเด็จ องค์อื่น ๆ กลับไม่เห็นไป เพราะว่ากิจกรรมที่วัดของแต่ละองค์นั้นสำคัญกว่าพุทธมณฑล

     พุทธมณฑลนั้นถูกสร้างขึ้นมาทดแทนวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์ ที่ถูกคณะธรรมยุติลดบทบาทจากวัดที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราช มาตั้งแต่ต้นรัชกาลที่ 1 ทำให้ประเทศไทยไม่มีจุดศูนย์กลางพระพุทธศาสนา เพราะว่าสมเด็จองค์ไหนได้เป็นสังฆราชก็ย้ายสำนักงานไปอยู่ที่วัดนั้น เหมือน ครม.สัญจร ทั้งนี้เพราะมีปัญหาเรื่องนิกาย แล้วพอสร้างพุทธมณฑลขึ้นในปี พ.ศ. 2500 ก็ดูเหมือนว่ามหานิกายจะใช้มากกว่าหรือมีบทบาทมากกว่าพระธรรมยุติ อาจจะเป็นเพราะว่าพระมหานิกายมีจำนวนมากว่าธรรมยุติถึง 10 ต่อ 1 คือธรรมยุติมี 3 หมื่น แต่พระมหานิกายมี 3 แสน ก็เป็นได้

     แต่นั่นไม่สำคัญกับว่า กระแสวันมาฆบูชา ที่คนของรัฐพยายามโยงให้เป็นวันแห่งความรัก และอ้างความสำคัญอย่างนั้น ๆ ชักชวนทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ให้ไปวัด โดยเฉพาะการรวมกันทำกิจกรรมที่ศูนย์พระพุทธศาสนาแห่งชาติคือพุทธมณฑล กลับปรากฏว่า มีคนไทยสนใจน้อยมาก ในภาครัฐเอง นายกรัฐมนตรีไปไหนก็ไม่รู้ เห็นภาพข่าวเพียงนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และพลตำรวจโท อุดม เจริญ เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงอยู่

    แล้วถามว่า อย่างนี้จะให้ชาวไทยมีความสนใจในพระพุทธศาสนาได้อย่างไร ในเมื่อทั้งสมเด็จพระราชาคณะและนายกรัฐมนตรีไม่มีความสนใจ ทั้ง ๆ ที่เป็นผู้ใหญ่ เป็นผู้นำ และเป็นผู้สั่งสอน ไม่สอนโดยตรงก็โดยอ้อม คือสอนโดยพฤติกรรม ลองเทียบดูระหว่าง พ่อพาลูกไปบ่อนไก่กับไปวัด ลูกถูกพ่อพาไปบ่อย ๆ โตขึ้นมาจะไปทางไหน เพราะว่าลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น การเสพคุ้น รู้จักคุ้นเคย และเคยชินนั้น เป็นปัจจัยที่สร้างนิสัยใจคอคนได้อย่างมีอิทธิพลมากที่สุด ภาษิตไทยแต่โบราณก็ยังว่า

     ถึงเป็นชาติเป็นเชื้อ ถ้าไม่สนิทชิดเชื้อ ก็เหมือนเนื้อในป่า

     ไม่ใช่ชาติไม่ใช่เชื่อ แต่ถ้าหมั่นเอื้อเฟื้อนั้น เหมือนเนื้อของอาตมา

     มาฆบูชาล่วงเลยไปแล้ว สังฆสามัคคีและรัฐมนตรีสามัคคียังไม่เกิด สมเด็จพระราชาคณะผู้ร่วมมหาเถรสมาคมยังไม่ยอมไปทำกิจกรรมวันมาฆบูชาที่ศูนย์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทยคือพุทธมณฑลร่วมกัน นายกรัฐมนตรีก็ไม่นำ ที่เห็นนำบ่อยสุดก็คือนำก๊วนกอล์ฟ จึงน่าเป็นห่วงว่า ประเทศชาติและพระพุทธศาสนาที่มีพวกท่านเป็นผู้นำอยู่ทุกวันนี้นั้นจะหันเหไปทางไหน

     สังคมไทยถูกมองว่าเป็นสังคมไร้ความเข้มแข็ง เพราะอยู่อย่างเรื่อยเฉื่อย แบบถึงก็ชั่งไม่ถึงก็ชั่ง บทจะบ้าก็บ้าเป็นพัก ๆ ไม่นานก็หายคลั่ง เป็นสังคมที่ไม่มีความเป็นชาตินิยม ยิ่งชาวพุทธไทยด้วยแล้วยิ่งไม่มีความเป็นศาสนานิยมกันใหญ่ บางคนถือทั้งพระพระทั้งเจ้า ศาสนาอื่นก็เอา ผีก็ไหว้ ไม่รู้ล่ะ อะไรที่มันพอจะช่วยได้ก็เอาไว้ก่อนทั้งสิ้น การสร้างค่านิยมจึงสำคัญสำหรับการจะทำสังคมไทยให้เป็นชาตินิยม เช่น กินอาหารไทย ไม่ใช้ของนอก ฯลฯ นั่นเป็นส่วนของการ "ปฏิเสธคือไม่รับของเขา" แต่การจะเอาของเรามาเป็นเอกลักษณ์นั้นไม่ใช่การประกาศไว้ในนโยบายหรือทำโลโก้ติดไว้ที่ป้ายรถเมล์ หากแต่ต้องริเริ่มอย่างเป็นกระบวนการ โดยเฉพาะผู้นำต้องทำตัวให้เป็นตัวอย่าง

     ในขณะที่เรา โดยเฉพาะผู้นำนั้นทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเมื่อเกิดปัญหาอาชญากรรม ปัญหาเด็กนักเรียนตีกัน วัยรุ่นติดยา นักศึกษาเป็นโสเภณี ไล่เข้าไปจนในกำแพงวัด พระเณรไร้ศีลาจารวัตร ศึกษาเดรัจฉานวิชา เป็นปัญหาทั้งศาสนจักรและอาณาจักร ขณะเดียวกัน ภายนอกนั้นค่านิยมต่างชาติต่างภาษาก็รุกเอา ๆ ขนาดว่าพยายามเอาวันวาเลนไทน์มาดัดแปลงเป็นวันมาฆบูชาแล้ว ก็ยังแห้วอยู่ตามเดิม จะเพราะอะไร ถ้าไม่ใช่พวกท่านไม่มองปัญหา ซึ่งก็คือตัวของพวกท่านเองนั่นแหละที่เป็นปัญหาให้สังคมไขว้เขว ปากบอกให้เขาทำดี แต่ตัวเองไม่นำ อยากให้คนมีศีล แต่ตนเองไม่รักษาศีล อยากให้คนไปวัด แต่ตนเองไม่เคยไป อยากให้พุทธมณฑลเป็นจุดศูนย์กลางพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อความสมัครสมานของคนไทยทุกคน แต่ปรากฏว่า ต่างคนต่างไม่เอาธุระ นอกนั้นใครอยากไปก็ตาม เป็นผู้นำแต่ไม่เคยนำเขา แล้วอย่างนั้นจะอาสามาเป็นผู้นำไปทำไม แล้วบ่นทำไมถ้ามีปัญหา เพราะพวกท่านทำตัวเป็นปัญหาเสียเอง ลาออกไปเสียก็สิ้นเรื่อง เห็นภาพคนไปร่วมกิจกรรมวันมาฆบูชาปีนี้ที่พุทธมณฑลแล้วใจแป้วยิ่งนัก

 

พระมหานรินทร์ นรินฺโท
วัดไทย ลาสเวกัส รัฐเนวาด้า สหรัฐอเมริกา
7
มีีนาคม 2547

 

 

 
E-Mail ถึง บก.
peesang2003@hotmail.com

All Right Reserved @ 2003
This Website Sponsored by

 

www.alittlebuddha.com เจ้าของ : วัดไทย ลาสเวกัส 2920 McLeod Dr. Las Vegas Nevada 89121 USA (702) 384-2264