Valentine วันแห่งความรักหรือวันอะไร ?
 


 

      ขอออกตัวอีกครั้งว่า ที่เขียนเรื่องนี้มิใช่เพราะตามแสแบบว่าเห่อวันนอกกับเขาด้วย เพียงแต่เห็นเขาเห่อกันมาก ก็เลยสนใจใคร่รู้ เมื่อรู้แล้วก็อดใจไม่ได้ที่จะต้องนำมา "ขยายความ" ตามสไตล์ของ อะลิตเติล บุ๊ดด่ะ ดอทคอม

     วาเลนไทน์นั้น ว่ากันว่าเป็นชื่อของนักบวชหรือนักบุญชาวคริสต์ ประจำโบสถ์แห่งหนึ่งในกรุงโรม ประเทศอิตาลี ในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 3 หรือประมาณพุทธศตวรรษที่ 8 สมัยนั้นประเทศส่วนใหญ่ในยุโรปตกอยู่ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิแห่งกรุงโรม และช่วงนั้นเป็นรัชกาลของจักรพรรดิคลอดิอุสที่ 2

     ยุคขุนศึกนั้น กรุงโรมถูกรุกรานจากข้าศึกหลายทิศทาง ชายฉกรรจ์ถูกเกณฑ์ไปป้องกันประเทศครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ละครั้งก็ลดจำนวนประชากรของประเทศโดยเฉพาะเพศชายลงอย่างมาก จนมีปัญหาว่าด้วยการหนีทหารเกิดขึ้น

     จักรพรรดิคลอดิอุสทราบความ จึงสั่งระงับพิธีกรรมเกี่ยวกับความรักทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการแต่งงานหรือหมั้นหมายใด ๆ ใครก็ตามหากว่าฝ่าฝืน ก็จะถูกลงโทษสถานหนักคือประหารชีวิต

     แต่ปรากฏว่ามีผู้ลองดีกับทางการ (ไม่ใช่หลวงตาบัวนะ) เขาเป็นนักบวชในโบสถ์แห่งหนึ่งในศาสนจักรโรมันคาทอลิกอันศักดิ์สิทธ์มีนามว่าพระวาเลนไทน์ เป็นพระเมตตา เห็นชาวประชาหนุ่มสาวเขารักกันแล้วไม่ได้กัน ก็สงสารโยม เลยทำการฝ่าฝืนจัดการแต่งงานให้แก่คู่บ่าวสาวอย่างเงียบ ๆ โดยใช้ใต้ถุนโบสถ์เป็นที่อภิเษกสมรส แต่แล้วความลับก็ไม่มีในโลก

     หลวงพี่วาเลนไทน์ถูกจับได้ว่าฝ่าฝืนกฎหมายอัยการศึก บังอาจลักลอบจัดการแต่งงานให้แก่บ่าวสาวมาหลายคู่แล้ว สาเหตุที่ความลับรั่วไหลนั้น หนุ่มสาวเขาไม่อยากเขียนถึง ซึ่งความจริงแล้วก็คือว่า หลวงพี่แกเล่นเก็บค่าต๋ง เอ๊ย ค่าทำพิธีแพงมากไป แต่สมัยนั้นใคร ๆ ก็อยากแต่งงาน เลยจำยอมต้องควักกระเป๋าถวายพระ ที่จนมาก ๆ ก็ถึงกับต้องกู้หนี้ยืมสิน มีควายก็ต้องขายควาย สมัยนั้นนายกทักษิณ ชินวัตร ยังไม่ทันเกิด จึงไม่มีโครงการสมรสเอื้ออาทรสำหรับชาวโรม ทีนี้ที่ทุ่มเทลงไปจนหมดตัว แต่บางคู่พอแต่งงานเสร็จ ถ้าผิดใจกับคนรักถึงกับเลิกรากันไป ก็คงจะนึกเสียดายเงิน ความลับจึงกลายเป็นความแจ้ง

     พระวาเลนไทน์ถูกจับกุมตัวไปขังไว้หลายเดือน ศาลทหารพิพากษาให้ "ประหาร" สถานเดียว วันมรณะของพระวาเลนไทน์คือวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ.270 หรือ พ.ศ. 813 พอหลวงพี่วาเลนไทน์ถูกประหาร คู่รักหลายคู่ที่ยังไม่ได้แต่งงานก็เสียใจหนัก เลยมีประเพณีแห่งความรัก นำเอาวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปีเป็นวันแสดงความรัก หรือเป็นวันแต่งงาน วันวาเลนไทน์จึงมีที่มาที่ไปด้วยประการฉะนี้

     ตะทีนี้ว่า มีพระหลายรูป มีนักปราชญ์ทางพุทธหลายท่าน อุตริเทศน์หรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับวันวาเลนไทน์นี้ โดยนำไปประกบกับวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาซึ่งมาบรรจบในเดือนกุมภาพันธ์พอดี วันที่ว่านี้คือวันมาฆบูชา

     ทีนี้ พอจับคู่กันอย่างนี้แล้ว ก็เทศน์เป็นคุ้งเป็นแคว ว่าวันมาฆบูชาต่างหากที่ควรแสดงความรักต่อกัน ไม่ควรไปนิยมของนอกว่างั้น ซึ่งผู้เขียนเห็นว่า พระและผู้รู้พวกนี้ชักจะมั่วนิ่ม

      ขอเกริ่นนำอีกนิดว่า วันมาฆบูชานั้น เป็นวันจาตุรงคสันนิบาต เป็นวันประชุมพระสงฆ์สาวก เป็นวันประกาศพระโอวาทปาติโมกข์ ไม่ใช่วันแสดงความรักบ้าบอคอแตกอะไรอย่างที่พระและนักปาดหลายรูป/คน พ่นน้ำลายจนเต็มบ้านเต็มเมืองกันอย่างที่เห็นนี่หรอก ถ้าอยากจะอธิบายในเรื่องของความรักในวิถีชีวิตแบบพุทธ จะเทศน์แบบไหนก็จะไม่ว่า ถ้าไม่มายุ่งกับเรื่องวันมาฆบูชา ซึ่งไม่เกี่ยวกันเลย

     นี่แหละ สัทธรรมปฏิรูปกำลังเกิด เพราะพระเราหลงกระแส อยากจะแสดงให้คนเห็นว่า "ศาสนาพุทธก็ทันสมัย" แล้วก็อุตริเอาเขามาปนกับเรา โดยไม่ได้ดูหลักการของพระพุทธศาสนาว่ามีจุดยืนอย่างไร

     ถ้าคิดจะอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีไทยให้คงอยู่ชั่วลูกชั่วหลาน เป็นการดีที่จะรณรงค์ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ขอแต่เพียงอย่ามั่ว อย่าไปเอาเขามาเป็นเรา หรือเอาเราไปปนกับเขา ซึ่งนั่นมันมิใช่วิธีการที่ถูกต้อง ต้องแยกให้ออก ไม่เช่นนั้นต่อไปเด็กชาวพุทธที่เกิดรุ่นหลัง ๆ ก็อาจจะเชื่อเป็นตุเป็นตุ ว่าวันวาเลนไทน์นั้น เป็นวันของคนไทย หรือเป็นวันเดียวกับวันมาฆบูชา ซึ่งขอบอกเพียงคำเดียวว่า "บ้า"

 

พระมหานรินทร์ นรินฺโท
วัดไทย ลาสเวกัส รัฐเนวาด้า สหรัฐอเมริกา
14 กุมภาพันธ์ 2547

 

 

 
E-Mail ถึง บก.
peesang2003@hotmail.com

All Right Reserved @ 2003
This Website Sponsored by

 

www.alittlebuddha.com เจ้าของ : วัดไทย ลาสเวกัส 2920 McLeod Dr. Las Vegas Nevada 89121 USA (702) 384-2264