FIRST TIME IN THE WORLD

APIDHAMMA ONLINE CHANTING

สวดพระอภิธรรมออนไลน์

ครั้งแรกของโลก

 


 


 

โลกเรากำลังเข้าสู่ยุค 5G ซึ่งท่านว่าเป็นยุคของการสื่อสารยุคที่ 5 โดยถือเอาการสื่อสารด้านโทรคมนาคมเป็นตัววัดระยะเวลา เพราะถ้าจะนับยุคกันอย่างที่เราท่านเคยได้เรียนมาแต่เดิม ก็จะเริ่มจากยุคหิน ผ่านยุคสัมริด ยุคเหล็ก ยุคไม้ ยุคปูนขาว ยุคปูนซิเมนต์ ยุคสังกะสี ยุคนีออน  เรื่อยมาจนถึงยุคไอน้ำ ยุคดีเซล ยุคเบนซิล ยุคไฟฟ้า ยุคคอมพิวเตอร์ ยุคอนาล็อก ยุคดิจิตอล ยุคไอโฟน สารพัดยุค ตามแต่ตะเรียกกัน "มือถือ" คือสื่อสารซึ่งเข้าครอบครองทุกอย่างในสมัยปัจจุบัน ทั้งใช้ติดต่อสื่อสารพูดคุย สันทนาการ เอนเตอร์เทนเมนท์ จับจ่ายใช้สอยเงินทอง และรวมทั้งทำงาน เราท่านหนีไม่พ้นสิ่งที่เรียกว่า สมองกล หรือ คอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะอยู่ที่แห่งไหนในโลก

ยุค 5G นั้น ว่ากันว่ากำลังเริ่มต้นเร็วๆ นี้ ถ้าหากว่าไม่มีอุปสรรคมาขัดขวาง ก็คงจะสามารถใช้งานนวัตกรรมใหม่ๆ ภายใต้เครือข่าย 5G ซึ่งการสื่อสารต่างๆ ผ่านเครื่องมือที่ทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ หรืออุปกรณ์อื่นๆ จะรวดเร็วกว่าที่เราใช้ในปัจจุบัน ขยับขึ้นเป็นหลายสิบเท่า เหมือนกระต่ายวิ่งแซงเต่าไปไม่เห็นฝุ่น มันน่าทึ่ง นึกไม่ถึงว่าโลกเราจะก้าวไกลไวปานนี้ ถ้ายังมีชีวิตอยู่ถึง 20-30 ปีข้างหน้า รับรองว่าต้องได้เห็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อ ว่ากันว่าคนจะบินได้เหมือนนก ดำน้ำได้เหมือนปลา และไปเที่ยวไกลถึงนอกโลก ซึ่งถึงตอนนั้น ยุค 5G คงจะล้าหลังไปแล้ว อาจจะเป็นยุคใหม่ ยุค 100G ไปเลยก็ว่าได้  เทคโนโลยี 5G นั้น ท่านจะเริ่มในปีนี้แหละ 2020/2563 โดยมีมหกรรมโอลิมปิกที่ประเทศญี่ปุ่น ในเดือนกรกฎาคม ศกนี้ เป็นจุดเริ่มต้นยุค 5G

แต่..แต่แล้วความฝันก็พังทลายเหมือนหม้ายขันหมาก เมื่อจู่ๆ ในเดือนมกราคม ศกนี้ ก็มีข่าวว่า มีโรคระบาดชนิดใหม่เกิดขึ้นที่ เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน (CHINA) เป็นโรคติดต่ออันตราย ผู้คนที่ติดเชื้อจะตายภายใน 3 วัน 7 วัน เป็นการตายอย่างกะทันหัน โดยผู้ป่วยจะมีอาการหายใจไม่ออก และขาดใจตายอย่างทรมาน ต่อมาทางแพทย์เรียกเจ้าโรคนี้ว่า ไวรัสโคโรน่า (CORONA VIRUS) เป็นเชื้อโรคที่มีอาการเหมือนโรคซาร์ ซึ่งระบาดในสิบปีก่อน ตอนนั้นก็เหมือนหยุดโลกไว้ชั่วคราว เพราะเชื้อโรคซาร์นั้นติดต่อกันทางลมหายใจ แบบว่าแค่หายใจรดกันก็ติดเชื้อแล้ว ผู้คนจึงต้องระมัดระวังไม่ไปมาหาสู่กัน แต่เจ้าไวรัสตัวใหม่หมอบอกว่ามันร้ายกว่าซาร์ เพราะว่ามันกระจายไวมาก ไวกว่าซาร์ เทียบง่ายๆ ว่า ไวเหมือนเทคโนโลยี 5G ที่จะไวกว่า 4G ไปอีกหลายสิบเท่า

พอถึงเดือนกุมภาพันธ์ 63 โลกก็เริ่มเข้าสู่ความวุ่นวาย เมื่อผู้ป่วยด้วยโรคใหม่ในเมืองอู่ฮั่น เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อกระแสความกลัวไปทั่วโลก รัฐบาลจีนสั่ง "ล็อกดาวน์" หรือปิดเมืองอู่ฮั่นเป็นแห่งแรกในปลายเดือนมกราคม ต่อมากลับปรากฏว่า ก่อนปิดเมืองอู่ฮั่นนั้น ชาวอู่ฮั่นหลายล้านได้ออกเดินทางไปทั่วโลก เพื่อรวมฉลองเทศกาลตรุษจีน หรือปีใหม่จีน จึงไม่มีใครรู้ว่าคนจีนอู่ฮั่นเหล่านั้นไปไหนกันบ้าง บางคนอาจจะไปเยี่ยมญาติในต่างเมือง แต่อีกหลายคนอาจจะเดินทางไปต่างประเทศ ทั้งเยี่ยมญาติและท่องเที่ยว แต่ที่แน่ๆ ไม่มีใครรู้ว่าใครป่วยหรือไม่ป่วยด้วยโรคไวรัสโคโรน่า

หมอบอกว่า ไวรัสโคโรน่า มีเวลาฟักตัวเป็นเวลา 14 วัน ถึงจะปรากฏอาการไข้ คือเจ็บหัวตัวร้อน และจะเริ่มไอ เริ่มอาการปอดบวม และสุดท้ายจะหายใจไม่ออก ทุรนทุรายตายไปอย่างทรมาน แต่ถึงจะตายไปแล้ว เชื้อโรคก็ยังคงเหลืออยู่ในร่างกาย การดูแลรักษาพยาบาลคนไข้ที่ป่วยด้วยไวรัสชนิดนี้จึงอันตราย เพราะไม่ว่าจะแตะเนื้อต้องตัว หายใจรดกัน หยิบฉวยสิ่งของที่คนไข้ใช้ ก็มีสิทธิ์ติดเชื้อและป่วยตายได้ ที่สำคัญก็คือ ไวรัสตัวนี้สามารถติดต่อไปยังบุคคลอื่นๆ ที่ผู้มีเชื้อไปสัมผัสหรือคลุกคลี โดยที่ตัวผู้ติดเชื้อก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองมีเชื้อ

ปัญหาใหญ่ต่อมาก็คือว่า ไม่มียารักษาโรคร้ายชนิดนี้ เพราะไม่เคยมีโรคนี้มาก่อน ถึงจะเคยมีไวรัสมาหลายตัว แต่ตัวนี้แปลกจากไวรัสทั่วไป หมอก็ต้องเอาเชื้อใหม่ไปศึกษา และหาตัวยามาทดลองเพื่อฆ่าไวรัส เมื่อทำการทดลองเสร็จแล้วจึงค่อยผลิตยาหรือวัคซีน นำไปให้ผู้ป่วยใช้ยา และผู้ที่ไม่ป่วยได้ฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรค ซึ่งกว่าจะได้ยาและวัคซีนมารักษาผู้ป่วยได้นั้น ท่านว่าต้องใช้เวลาอย่างเร็ว 1 ปีครึ่ง อย่างช้า 3 ปี หรืออาจจะไม่มีใครค้นพบยาและวัคซีนได้เลย ปล่อยให้ผู้ป่วยตายและโรคก็จะซาไปเอง เหมือนหลายโรคในอดีตที่ทิ้งไว้แต่ความสูญเสียในความทรงจำ

สรุปว่า ทั้งอัตราการแพร่ระบาด อาการของโรค และผลข้างเคียงต่างๆ มันไวมาก แค่ไม่กี่ชั่วโมงเจ้าตัวร้ายก็อาจจะเดินทางไปแล้วทั่วโลก โดยอาศัยยวดยานพาหนะต่างๆ ที่ผู้คนใช้เดินทางนั่นเอง โดยเฉพาะก็คือ เครื่องบิน แบบว่าถ้าไปกับคนก็ไปได้ทุกที่ในโลก ดังนั้น โลกใบนี้จึงตกอยู่ในอันตรายถึงตายถ้าไม่สามารถจะหยุดยั้งเชื้อร้ายจากอู่ฮั่นตัวนี้ได้

ดังที่เล่า รัฐบาลจีนตัดสินใจใช้มาตรการล็อกดาวน์ ปิดเมืองอู่ฮั่นตั้งแต่ปลายเดือนมกรา แต่ไม่นานก็มีข่าวว่า มีผู้ป่วยในหลายประเทศทั้งเอเชีย ยุโรป อเมริกา และแอฟริกา คือว่าเชื้อได้กระจายไปทั่วโลกแล้ว แต่จะติดต่อกันมากน้อยเพียงใด ก็ขึ้นอยู่กับมาตรการรับมือของแต่ละประเทศ ทั้งในส่วนของรัฐบาลและประชาชนที่จะดูแลรักษาตัวเองให้ปลอดภัย

วัดไทยลาสเวกัส ได้ประกาศ "ปิดวัด" ตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563 เพราะมองเห็นว่า ญาติโยมที่มาทำบุญทุกวันพุธตลอดปีนั้น ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ซึ่งข่าวสารรายงานว่า ผู้เสียอายุเพราะไวรัสโคโรน่านั้น ส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงวัย ดังนั้น เพื่อป้องกันไว้ก่อน เราจึงประกาศปิดวัดเ พื่อป้องกันบุคคลากรของเราเอาไว้เป็นสำคัญ

และต่อมา ประเทศต่างๆ ทั่วโลก ก็ทยอยประกาศ "ล็อกดาวน์" ปิดเมือง ปิดประเทศ ปิดสถานที่บริการร้านค้า แต่ละประเทศก็ประกาศให้ประชาชนเก็บตัวเองอยู่แต่ในบ้าน อย่าออกไปไหนพบเจอกับใคร..ถ้าไม่อยากตาย "Stay home !" ตามมาด้วยมาตรการเคอร์ฟิวส์ ห้ามออกนอกเคหสถาน ห้ามชุมนุม ห้ามกินเลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นสถานที่สาธารณะหรือสถานที่ส่วนบุคคล แม้กระทั่งวัดหรือโบสถ์ก็ห้ามจัดพิธีกรรมต่างๆ อันจะเป็นสาเหตุแพร่เชื้อโรค ซึ่งเป็นประกาศที่ได้ผลชงัดที่สุด ไม่มีใครคัดค้านเลย เพราะใครๆ ก็กลัวตาย

สายการบินต่างๆ ถูกระงับการเดินทาง เมื่อรวมกับมาตรการปิดเมือง-ปิดประเทศแล้ว นับได้ว่า การจราจรของผู้คนทั่วโลกถูกตัดขาดเป็นอัมพาตลงอย่างฉับพลัน มีเพียงเครื่องบินฉุกเฉินที่ได้รับอนุญาตให้บินไปรับผู้คนกลับคืนประเทศ แต่ก็ทำได้อย่างระมัดระวัง ต้องมีการตรวจโรคอย่างละเอียด ต้องมีการกักตัว 14 วัน เพื่อดูอาการว่าติดเชื้อหรือไม่ ไม่ง่ายเลยสำหรับการเดินทางในระยะนี้ มีผู้คนตกค้างอยู่ต่างประเทศมากมาย กลับได้ทันบ้าง ไม่ทันบ้าง เพราะไม่มีใครเตรียมใจรับกับเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ดังนั้น เรื่อง 5G ยังไม่ต้องพูดถึง ญี่ปุ่นประกาศเลื่อนแข่งขันกีฬาโอลิมปิกออกไปไม่มีกำหนด การเปิดตัวเทคโนโลยี 5G ก็ต้องเลื่อนไปด้วย เพราะผูกงานไว้ด้วยกัน ทั่วโลกหันมารับมือกับไวรัสโควิด-19 กันหมด ไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องอื่น

ในระยะ 3 เดือนที่ผ่านมา จากกุมภา-มีนา-เมษา มาจนถึงพฤษภา เป็นระยะเวลาสำคัญ ในแต่ละเดือนก็มีประเพณีสำคัญของชาวไทยเรา ใหญ่ๆ ก็ได้แก่ วันมาฆบูชา วันสงกรานต์ วันวิสาขบูชา แต่ว่าไม่สามารถจะจัดงานบุญได้เหมือนเก่า เพราะกลัวเชื้อโรคจะระบาด ทีจะเป็นบุญก็จะกลายเป็นบาปไป ไม่มีใครอยากจะไปทำบุญแล้วได้ผลบุญคือความตาย ผู้ปกครองคณะสงฆ์ไทยคือมหาเถรสมาคม ก็ออกประกาศให้วัดต่างๆ งดจัดงาน ทำนองให้ปิดวัด เพื่อป้องกันชีวิตและทรัพย์สินของพระเณร และเพื่อมิให้วัดกลายเป็นแหล่งแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า

แล้วถามว่า เราอยู่อย่างไร ในเมื่อพระออกบิณฑบาตไม่ได้ ญาติโยมก็ไปวัดไม่ได้ ทั้งพระทั้งโยมก็ตกอยู่ในสถานะลำบากกันหมด แค่หน้ากากก็หายาก ขาดตลาด ราคาพุ่งหลายเท่าตัว มีคนหัวหมอเอาหน้ากากเก่าไปซักแล้วส่งขายทางเฟสบุ๊ค ปรากฏว่ามีคนโดนหลอกไปหลายคน ในช่วงชุลมุนก็ยังมีคนเห็นแก่ตัวไร้มนุษยธรรมดังข่าวที่ปรากฏ

NEW NORMAL เป็นศัพท์ใหม่ที่ถูกชูขึ้นมาใช้ในยุคโควิด-19 แบบว่าผู้คนทุกคนในโลกจะต้องปรับตัวปรับใจ โลกจะเข้าสู่ยุคใหม่ที่ไม่เหมือนเดิม ที่เคยเดินทางไปทำงานแบบเก่า "เช้าไป-เย็นกลับ" ก็ทำไม่ได้แล้ว ส่วนใหญ่จะต้องทำงานอยู่กับบ้าน (Work from home) ข้าวปลาอาหารก็ไม่ต้องไปนั่งกินที่ร้าน แต่จะมีบริการนำส่งถึงบ้าน และส่งแบบไม่ต้องเจอหรือสัมผัสกัน ที่เรียกว่า Contrackless เพื่อป้องกันการติดเชื้อระหว่างกัน การจ่ายเงินทองก็จะไม่ใช้เงินสด แต่จะจ่ายผ่านบัตรเครดิต เพราะมีข่าวว่า เชื้อโรคสามารถติดอยู่ที่เงินและติดต่อไปยังผู้รับเงินไปอีกด้วย แม้แต่เงินก็อันตราย ข้าวของเครื่องใช้ไม่มีใครไปเดินซื้อหาที่ตลาดอีกต่อไป ผู้คนหันไปจ่ายตลาดออนไลน์หมด อ่านข่าวแล้วเครียดเพราะทำใจไม่ทัน

แน่นอนว่าผลกระทบย่อมมาถึงวัดอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะวัดจะอยู่ได้ก็ต้องอาศัยศรัทธาของสาธุชน เมื่อโยมมาวัดไม่ได้ แล้วใครจะทำบุญ คำถามจึงมีว่า เราสามารถจัดงานบุญ หรือทำบุญ โดยที่ญาติโยมไม่ต้องมาวัดได้หรือเปล่า ?

ก่อนหน้านี้ มีพระที่ท่านใช้เครื่องมือสื่อสารเป็น เห็นหลายท่านทำการเทศน์ออนไลน์ สวดมนต์ออนไลน์ แม้แต่สมเด็จพระสังฆราชก็ยังทำพิธี "ถ่ายทอดสดสวดมนต์" มีการใช้แอพ (เครื่องมือสื่อสารทางโทรศัพท์) สั่งอาหารไปถวายพระและรับพรผ่านโทรศัพท์กันสดๆ มาแล้ว ถือว่าน่าทึ่งมาก เพราะสะดวกรวดเร็วและเรียบง่ายๆ เห็นกันผ่านหน้าจอก็ทำบุญได้แล้ว บุญออนไลน์

ท่านเจ้าคุณเหลา เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุสหราชอาณาจักร และรองประธานองค์กรพระธรรมทูตไทยในสหราชอาณาจักร มีวัดในเครืออยู่หลายวัด ตำแหน่งล่าสุดก็คือ ประธานองค์การพระธรรมทูตโลก กำลังจัดตั้งสำนักงานถาวรที่เมืองพรีมัธทางภาคใต้ของอังกฤษ ได้เช่าที่ดินเป็นค่ายทหารกว้างขวางมาก ป้อมปราการก็ใหญ่โต เมื่อเดือนก่อน เจ้าคุณเหลาท่านส่งข่าวมาว่า ได้ร่วมกันกับวัดในเครือหลายวัด จัดพิธีมงคล "สวดมนต์ป้องกันโควิด-19 แบบออนไลน์" ต่อเนื่องกันถึง 3 วัน ถือได้ว่าเป็นการทำงานออนไลน์ทันสมัย เห็นท่านว่ากำลังจัดโครงการ "เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์" สำหรับพระธรรมทูตไทยทั่วโลก เปิดแคมเปญแบบไม่ยั้งเลย เห็นแล้วเหนื่อยแทนว่าท่านขยันและทันสมัยเหลือเกิน เดี๋ยวนี้พระไทยในต่างประเทศท่านหันไปประชุมออนไลน์กันหมดแล้ว

แต่นั้นเป็นเรื่องของการทำบุญที่เรียกว่า งานมงคล ยังไม่เคยมีข่าวว่ามีการทำบุญอวมงคล คืองานศพ ผ่านทางสื่อสารออนไลน์มาก่อนเลย

ผู้เขียนเองก็คิดไม่ถึงว่าจะต้องมาเจอกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ที่พาตัวเองและคณะสงฆ์วัดไทยลาสเวกัสเข้าสู่ยุคใหม่ ยุคที่ต้องใช้การสวดพระอภิธรรมออนไลน์ เพื่อทำพิธีให้แก่ผู้วายชนม์ไปในต่างเมือง

เรื่องมีอยู่ว่า

วันที่ 5 กุมภาพันธ์ ท่านพระครูสุธรรมโสภณ (สุรสิทธิ์ สุทฺธจิตฺโต) เจ้าอาวาสวัดมัชฌิมาราม เมืองลีดส์ ประเทศอังกฤษ ท่านเดินทางกลับไปอบรมพระอุปัชฌาย์ที่ประเทศไทย ครั้นผ่านโครงการแล้วท่านได้เดินทางมาสหรัฐอเมริกาเพื่อเยี่ยมวัดไทยลาสเวกัส ปรากฏว่าต้องมาติดล็อกดาวน์โควิด-19 เดินทางไปไหนมาไหนไม่ได้ ต้องพำนักอยู่ที่วัดไทยลาสเวกัสมาจนถึงเวลานี้

วันที่ 26 กุมภาพันธ์ หลวงพ่อพระครูอุดมพัฒนาทร (สุขี ปริปุณฺโณ) วัดแสงเกษม อำเภอเดชอุดม อุบลราชธานี ท่านเคยพำนักที่วัดไทยลาสเวกัสมาก่อน ก่อนจะกลับไปช่วยงานหลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดแสงเกษม ซึ่งดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี จนกระทั่งเกษียณอายุลง ท่านเดินทางมาเยี่ยมวัดไทยลาสเวกัสอีกครั้งในรอบหลายปี พอมาถึงก็ถูกประกาศ "ปิดวัด" ห้ามมิให้ไปไหนมาไหนอีก ก็เลยต้องค้างอยู่ด้วยกันกับพระวัดไทยลาสเวกัสอีก 3 รูป เป็น 5 รูปด้วยกัน

วันที่ 17 พฤษภาคม มีข่าวว่า มีโยมอุปัฏฐากของหลวงพ่อสุขีที่เมืองซาคราเมนโต้ เมืองหลวงของรัฐแคลิฟอร์เนีย ชื่อว่า คุณแม่คำผ่าน พระอุทุม ป่วยหนัก ด้วยโรคเบาหวานและมะเร็งในกระดูก ลูกหลานโทรมาปรึกษาหลวงพ่อว่าจะช่วยอย่างไร เมื่อเช็คว่ามิได้ป่วยด้วยไวรัสโควิด-19 หลวงพ่อสุขีจึงโทรแสดงธรรมให้ ตกค่ำวันนั้น  เวลา 3 ทุ่มครึ่ง คุณแม่คำผ่านก็ถึงแก่อนิจกรรม

 

 

 

คุณแม่คำผ่าน (ลัดดา) พระอุทุม

คนไทย-ลาว ที่ได้รับการบำเพ็ญกุศลศพออนไลน์ เป็นคนแรกในโลก

 

ชาตะ : 4 กรกฎาคม 2485 (JULY 4, 1942)

มรณะ :  17 พฤษภาคม 2563 (MAY 17, 2020)

สิริอายุ 78 ปี

 

คุณแม่คำผ่าน พระอุทุม นั้น เดิมเกิดในสกุล "ลัดดา" บิดามารดาเป็นชาวบ้านหนองอ๋อ ต.เกษม อ.ตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี เป็นพยาบาลผดุงครรภ์ และได้พบรักกับคุณพ่อทองเทพ พระอุทุม นายตำรวจชาวลาว ชาวบ้านตาแหลวใหญ่ เมืองจำพอน แขวงสะหวันนะเขต ครั้นฝ่ายประชาธิปไตยแพ้สงครามอินโดจีนในปี 2518 ที่เรียกว่าลาวแตก คนลาวประชาธิปไตยจึงได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ให้อพยพมาตั้งถิ่นฐานอาศัยในสหรัฐอเมริกา ซึ่งคุณแม่คำผ่านและคุณพ่อทองเทพ พร้อมด้วยบุตรธิดาก็ได้อพยพมาสหรัฐอเมริกาในต้นปี พ.ศ. 2524/ค.ศ.1981

ครอบครัวของคุณพ่อทองเทพเป็นครอบครัวใหญ่ เพราะมีลูกถึง 10 คน ญาติพี่น้องก็มากทั้งเมือง อีกทั้งคุณพ่อทองเทพก็เป็นผู้ใหญ่เป็นที่เคารพนับถือของคนลาวทั่วไป คุณแม่คำผ่านก็เป็นนางพยาบาล ใครเจ็บป่วยก็ช่วยรักษา จึงเป็นที่เคารพนับถือของคนลาวทั่วไป

คุณพ่อทองเทพ ได้ถึงแก่กรรมไปในปี 2562 ก่อนหน้านี้ปีหนึ่ง

ครั้นแม่ใหญ่คำผ่านได้ถึงแก่กรรมลงเช่นนั้น ทางลูกหลานทราบว่าหลวงพ่อสุขีได้มาพำนักในสหรัฐอเมริกา ก็อยากจะนิมนต์หลวงพ่อสุขีไปทำพิธีให้แก่คุณแม่ผู้จากไป แต่ต้องมาติดโควิด-19 ไม่สามารถจะเดินทางไปร่วมพิธีได้ แล้วจะทำไฉน ในเมื่อคนตายก็ต้องได้รับการทำพิธีทางศาสนา จะฝังหรือเผาอย่างไรก็ค่อยว่ากัน ลูกหลานญาติมิตรก็มากมาย เงินทองก็มีมิได้อดอยากยากไร้อะไร แต่ทำไมทำบุญให้ไม่ได้ มันเป็นปัญหาใหญ่สูงสุดของชาวพุทธเรา

 


 

 

ทางวัดไทยลาสเวกัส จึงได้ปรึกษากับทางลูกหลานของคุณแม่คำผ่าน ว่าทางโน้นมีคนที่ใช้สัญญาณอินเตอร์เน็ตเป็นไหม เพราะถ้าสามารถเชื่อมสัญญาณระหว่างสองเมืองได้ ก็จะทดลองทำพิธีทางศาสนาให้แก่คุณแม่คำผ่าน ผ่านสัญญาณอินเตอร์เน็ตหรือออนไลน์ ซึ่งทางลูกหลานของคุณแม่คำผ่านก็แจ้งว่าสามารถทำได้ ทางวัดไทยลาสเวกัส จึงได้มอบหมายให้พระมหากฤติพจน์และพระมหาถาวร ทำงานร่วมในการเชื่อมสัญญาณ ผ่านการทดสอบจนแน่ใจแล้ว ตกเวลา 20:00 น. (สองทุ่ม) ของวันที่ 18 พฤษภาคม 2563 จึงได้เริ่มทำพิธีสวดพระอภิธรรมออนไลน์ โดยมีผู้เข้าร่วมพิธีอยู่ที่เมืองซาคราเมนโต้ รัฐแคลิฟอร์เนีย ส่วนพระสวดพระอภิธรรมนั้น อยู่ที่วัดไทยลาสเวกัส รัฐเนวาด้า ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองซาคราเมนโต้ไปประมาณ 560 ไมล์ หรือประมาณ 900 กิโลเมตร

 


 

หลวงพ่อสุขี นั่งเป็นประธานสงฆ์ อยู่ที่วัดไทยลาสเวกัส รัฐเนวาด้า

ลูกหลานของคุณแม่คำผ่าน นั่งร่วมพิธีอยู่ที่เมืองซาคราเมนโต้ รัฐแคลิฟอร์เนีย

 

 

พระสงฆ์ที่ร่วมพิธีสวดพระอภิธรรมออนไลน์เป็นครั้งแรกของโลก

 


 

 

การสวดออนไลน์ครั้งนี้ มีการตั้งสัญญาณ "ตอบ-รับ" ระหว่างพระสงฆ์ที่วัดไทยลาสเวกัสกับญาติโยมผู้ร่วมพิธีที่เมืองซาคราเมนโต้ สามารถตอบโต้ได้อย่างชัดเจน โดยเริ่มที่พิธีสมาทานเบญจศีล การสวดพระอภิธรรม-บังสุกุล การแสดงพระธรรมเทศนาที่เรียกว่า "สังเวคกถา" และถวายจตุปัจจัยแด่พระสงฆ์ๆ อนุโมทนา ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เป็นเสร็จพิธี ทั้งนี้มีการสื่อสารเป็น 3 ภาษา คือ ภาษาไทย ภาษาลาว และภาษาอังกฤษ เนื่องเพราะรุ่นหลานเหลนของคุณแม่คำผ่านและผู้มาร่วมงานบางท่านนั้น ไม่สามารถจะสื่อสารด้วยภาษาไทย-ลาวได้ จึงต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นบางช่วง

 


 

 

เมื่อเสร็จพิธีในวันแรกคืนแรกไปนั้น ปรากฏว่าทางลูกหลานญาติพี่น้องที่เมืองซาคราเมนโต้ ต่างปีติยินดีที่ได้มีโอกาสทำบุญให้แก่คุณแม่คำผ่านได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ติดขัดสิ่งใดเลย โดยจตุปัจจัยที่เป็นค่าใช้จ่ายในการทำพิธีทั้งหมด ทั้งค่าถวายสังฆทาน ค่าถวายภัตตาหาร ลูกหลานได้โอนผ่านธนาคารเข้าบัญชีของวัดไทยลาสเวกัสโดยตรง จึงมิได้ติดขัดใดๆ เลย

 

 



 

 

ในการ "ตอบ-รับ" การทำพิธี ทั้งการสมาทานศีล ฟังสวด ฟังเทศน์ และถวายจตุปัจจัยไทยธรรม และกรวดน้ำรับพร จนจบพิธีนั้น เสียงตอบรับทั้งสองฝ่าย ก็คล้ายกับการทำพิธีในสถานที่เดียวกัน ทางโน้นก็เห็นและได้ยินเสียงพระจากจอทีวี ทางนี้ก็เห็นและได้ยินเสียงญาติโยมทางโน้นจากจอทีวี โดยในบ้านเจ้าภาพก็จัดตั้งโต๊ะหมู่บูชา ตั้งพระพุทธรูป ทางวัดไทยลาสเวกัส ก็จัดพิธี มีโต๊ะหมู่บูชา และรูปคุณแม่คำผ่าน พร้อมกับธูปเทียนบูชา เสียงพระ-เสียงโยม ที่ตอบรับในช่วงทำพิธีนั้น เป็นสิ่งมหัศจรรย์ว่าเราชาวพุทธในสหรัฐอเมริกา สามารถยกระดับการทำพิธีทางศาสนามาจนถึงการสวดพระอภิธรรมออนไลน์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ก็เป็นไปแล้ว

 



 

ความเป็นไปในที่นี้ ต้องถือว่าเป็นเหตุบังเอิญ เพราะถ้าไม่มีไวรัสโควิดระบาด ถ้าหลวงพ่อสุขีไม่มาเยี่ยมวัดไทยลาสเวกัสในช่วงนี้ และถ้าคุณแม่คำผ่านยังไม่เสียชีวิต หากขาดองค์ประกอบอย่างใดอย่างหนึ่งไป การสวดพระอภิธรรมออนไลน์ก็คงเกิดขึ้นไม่ได้

 


 

เมื่อพิธีคืนแรกเสร็จลงอย่างสมบูรณ์ ลูกหลานจึงได้นิมนต์พระสงฆ์วัดไทยลาสเวกัส ทำพิธีติดต่อกันนานถึง 5 วัน โดยเริ่มจาก

การสวดพระอภิธรรมในคืนที่ 1 เวลา 20.00 น. วันที่ 18 พฤษภาคม 2563

การสวดพระอภิธรรมในคืนที่ 2 เวลา 20.00 น. วันที่ 19 พฤษภาคม 2563

การสวดพระอภิธรรมในคืนที่ 3 เวลา 20.00 น. วันที่ 20 พฤษภาคม 2563

พิธีสงสะการ หรือฌาปนกิจศพ เวลา 13.00 น. วันที่ 21 พฤษภาคม 2563

พิธีมุงคุน (มงคล) ทำบุญบ้าน เวลา 10.00 น. วันที่ 22 พฤษภาคม 2563

 

 

คุณแม่คำผ่าน พระอุทุม

อุบาสิกาในพระพุทธศาสนาคนแรก ที่ได้รับบุญผ่านสื่อออนไลน์ในปรโลก

 

 

ท่านพระครูสุธรรมโสภณ ให้ศีล

 

 

ญาติโยมรับศีล

 

พระสงฆ์สวดพระอภิธรรม

 

 

ท่านพระครูสุธรรมโสภณ กล่าวสังเวคกถา

 

 

 

ญาติโยมตั้งใจฟังทั้งพระสวดและแสดงธรรม

 

 

พระสงฆ์บังสุกุล

 

 

กรวดน้ำ รับพร อุทิศส่วนบุญกุศล ออนไลน์ ให้คุณแม่คำผ่าน

 

 

พิธีสงสะการ ฌาปนกิจศพ คุณแม่คำผ่าน พระอุทุม ออนไลน์

 

 

 

พิธีตักบาตร สวดมุงคุน เช้าวันที่ 5 ที่บ้านเจ้าภาพ

 

 

ถวายต้นบุญผ้าป่าแก่วัดไทยลาสเวกัส

 

 

ลูกหลานตั้งใจฟัง ร่วมพิธีอย่างสงบเสงี่ยม ไม่เคยเป็นมาก่อน

 

 

แนะนำตัวต่อหลวงพ่อสุขีเป็นรายบุคคล

 

 

หนึ่งชีวิต กับหนึ่งเหตุการณ์สำคัญของโลก

 

 

สุทินนัง วะตะ เม ทานัง  ทานัง เม ปริสุทธัง

นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ

 

 

บันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์พระธรรมทูตไทยในสหรัฐอเมริกา

เสร็จพิธีครั้งนี้แล้ว พระสงฆ์วัดไทยลาสเวกัส ได้มาปรารภกันว่า นี่ถ้าหากว่าในอนาคต มีงานบุญทั้งมงคลและอวมงคล ไม่ว่าที่แห่งใดในโลก หากไม่สามารถจะนิมนต์พระไปร่วมพิธีได้ ญาติโยมก็สามารถนิมนต์พระสงฆ์ให้ทำพิธี "ออนไลน์" ประหนึ่งร่วมพิธีอยู่ในที่เดียวกัน ดังที่พระธรรมทูตไทยในสหรัฐอเมริกา ได้เริ่มทำเป็นครั้งแรก

ในนามของคณะสงฆ์วัดไทยลาสเวกัส รัฐเนวาด้า ขออนุโมทนาบุญ ต่อคณะลูกหลานและญาติมิตรของ คุณแม่คำผ่าน พระอุทุม ชาวเมืองซาคราเมนโต้ รัฐแคลิฟอร์เนีย ทุกๆ ท่าน ที่ได้มีศรัทธาอาราธนานิมนต์ พระสงฆ์วัดไทยลาสเวกัส ให้ทำพิธีสวดพระอภิธรรมออนไลน์ กลายเป็นเหตุการณ์สำคัญเป็นครั้งแรกของโลก มา ณ โอกาสนี้

พระมหานรินทร์ นรินฺโท

1 มิถุนายน 2563

 

 

 

 

 

E-MAIL : PEESANG2560@GMAIL.COM


ALITTLEBUDDHA.COM WAT THAI LAS VEGAS 2920 MCLEOD DR. LAS VEGAS NV 89121 U.S.A. 702-384-2264