BUDDHIST IN THAILAND TODAY !

 

เมื่อพระสงฆ์ 3 จังหวัดชายแดนใต้

กลายเป็น

"เหยื่อของผู้ก่อการร้าย" และ "ตัวประกันของธรรมกาย"

 

เรื่องที่หัวร่อมิได้ ร่ำไห้ไม่ออก ของคณะสงฆ์ไทยในเวลานี้

 


 

สถานการณ์การต่อสู้แย่งชิงมวลชน ระหว่าง "พุทธ 2 กลุ่ม" อันได้แก่ กลุ่มใหญ่ ที่มีพระสงฆ์ฝ่ายมหานิกายเป็นฐานเสียง และมี "ธรรมกาย" เป็นกำลังหลัก กับกลุ่มเล็ก (ธรรมยุต) ซึ่งอาศัยความสงบนิ่ง แอบอิงราชสำนักมาโดยตลอด ไม่ต้องออกแรง แต่ก็สามารถเข้าชัยในตำแหน่ง "สมเด็จพระสังฆราช" เหนือกว่ามหานิกายตลอดมา มีกลุ่ม "สันติอโศก" และ "พุทธะอิสระ" ซึ่งแอบอิงกับ กปปส. และ คสช. ซึ่งยึดอำนาจมาจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์  (และทักษิณ) สนับสนุน ซึ่งทั้งยิ่งลักษณ์และทักษิณ ก็เทความสนับสนุนให้แก่ "ธรรมกาย" มาโดยตลอดเช่นกัน นับจากนี้ไปจะยิ่งแหลมคมยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เพราะมี "งานพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระสังฆราช" เป็นเส้นชัยอยู่ ณ เบื้องหน้า หมายกำหนดการออกมาแล้วว่า วันที่ 17 ธันวาคม ศกนี้

เพราะเมื่อมีการพระราชทานเพลิงพระศพเสร็จแล้ว ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช ถือว่า "ว่าง" โดยสมบูรณ์ ก็จะเริ่มเข้าสู่ "กระบวนการสรรหา" สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งคำนวนออกมาแล้ว น่าจะไม่เกิน "เมษายน 59" พุทธศาสนิกชนชาวไทย ก็จะได้พระสังฆราชพระองค์ใหม่ และถ้านับเวลาจากวันนี้ไป ก็แค่ประมาณ 6 เดือนเท่านั้น เป็น 6 เดือนที่สำคัญยิ่ง ในหน้าประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาในรอบ 200 ปีเลยทีเดียว

ดังที่พระสุวิทย์ หรือพุทธะอิสระ แห่งวัดอ้อน้อย ได้ลั่นวาจาเอาไว้ว่า "ถ้าสึกพระธัมมชโยไม่ได้ ก่อนงานพระศพสมเด็จพระสังฆราช ตนเองก็ยินดีสละผ้าเหลือง" พุทธะอิสระจึงออกโรง เดินสายฟ้องพระธัมมชโย ข้อหาปาราชิก มากมายหลายแห่ง

ด้านหนึ่งนั้น พุทธะอิสระ เคยนำพามวลชน หรือม็อบ ปิดล้อมการจราจร เพื่อประท้วงรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จนเกิดภาวะวิกฤติ ส่งผลให้คณะนายทหาร 3 เหล่าทัพ นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นำกำลังเข้ายึดอำนาจการปกครอง มาตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ.2557 พุทธะอิสระ แสดงตนเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งมาจากการเลือกตั้งอย่างชัดเจน

อีกด้านหนึ่งนั้น ทั้ง นายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีสองพี่น้อง ต่างก็เคยเข้าร่วมกิจกรรมของวัดพระธรรมกาย ทั้งในขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและออกจากตำแหน่งแล้ว

วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2558 น.พ.เหวง โตจิราการ แกนนำกลุ่ม นปช. ได้โพสต์ในเฟสบุ๊ค ระบุว่า "วัดพระธรรมกาย เป็นฐานกำลังของคนเสื้อแดง นปช. และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ คสช. มุ่งมั่นจะทำลาย" เป็นการเผยอย่างเป็นทางการว่า วัดพระธรรมกาย ได้นำเอาพุทธสถานไปเป็น "ฐานทางการเมือง" ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีการพาดพิงถึงบทบาทอันคาบเกี่ยวระหว่างวัดกับการเมือง แต่ว่าไม่มีคนยืนยัน จนกระทั่งหมอเหวงได้ออกมาพูดเองดังกล่าว เรื่องก็เลย..ถึงบางอ้อ

จึงเห็นได้ชัดเจนว่า กลุ่มวัดพระธรรมกาย นำโดยพระธัมมชโยนั้น หนุนยิ่งลักษณ์-ทักษิณ และ นปช. ขณะที่กลุ่มสันติอโศก ของโพธิรักษ์ และกลุ่มวัดอ้อน้อย ของพุทธะอิสระ หนุนฝ่ายตรงข้ามกับพรรคเพื่อไทย

ย้อนกลับไป ถึงสถานภาพระหว่าง "พระธัมมชโย" กับ "สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ)" เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ และผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช สมเด็จวัดปากน้ำมีสถานะเป็น "พระอุปัชฌาย์" ผู้บวชให้แก่ธัมมชโย ส่วนธัมมชโยนั้นเป็นศิษย์ที่บวชจากวัดปากน้ำ ก่อนจะออกไปตั้งอาณาจักร "ธรรมกาย" ในปี พ.ศ.2513

วันที่ 6 เมษายน พ.ศ.2555 ซึ่งเป็นวันมอบถวาย "หลวงพ่อสดทองคำ" น้ำหนัก 1000 กิโลกรัม (หนึ่งตัน) ซึ่งวัดพระธรรมกายหล่อและจัดพิธี "ธุดงค์ธรรมชัย" นำไปถวายถึงพระเจดีย์วัดปากน้ำ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ได้กล่าวสัมโมทนียกถาว่า

"ถือว่า วัดปากน้ำกับวัดพระธรรมกายเป็นวัดพี่วัดน้อง หรือเสมือนหนึ่งว่าเป็นวัดเดียวกัน มีอะไรก็ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน วัดปากน้ำมีวัดพระธรรมกาย มีอะไรก็ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน แต่ส่วนใหญ่วัดพระธรรมกายให้กับวัดปากน้ำเป็นส่วนใหญ่ เป็นต้นว่า พระมหาเจดีย์ที่ท่านทั้งหลายกำลังนั่งเห็นอยู่นี้ วัดพระธรรมกายถวายจตุปัจจัยมา 30 ล้านบาท ทองคำอีกจำนวนหนึ่งแล้วก็พระธาตุอื่นๆ อีกจำนวนมาก ทุกอย่างท่านให้ สละ เพราะถือว่าเป็นวัดพี่วัดน้อง หรือว่าเป็นวัดเดียวกัน"

นั่นเป็นการ "ย้ำสัมพันธ์" ระหว่างอาจารย์กับศิษย์ ระหว่างวัดใหญ่ 2 วัด คือวัดปากน้ำกับวัดพระธรรมกาย เป็นกายเดียวกัน !

ครั้นวันนี้ วันที่การสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ใกล้เข้ามา ซึ่งก็ปรากฏว่า สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ มีแคนดิเดทเป็น "นัมเบอร์วัน" ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ฉบับปัจจุบัน ที่ระบุว่า

 

หมวด 1

สมเด็จพระสังฆราช

มาตรา 7  พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์หนึ่ง

ในกรณีที่ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชว่างลง  ให้นายกรัฐมนตรี โดยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคม เสนอนามสมเด็จพระราชาคณะ ผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ ขึ้นทูลเกล้าฯ  เพื่อทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช
 

ในกรณีที่สมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้  ให้นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคม เสนอนามสมเด็จพระราชาคณะรูปอื่น ผู้มีอาวุโสโดยสมณศักดิ์รองลงมาตามลำดับ  และสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช

 

ทั้งนี้ เพราะสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ มีอาวุโส "สูงสุด" ในบรรดาสมเด็จพระราชาคณะ ที่มีอยู่ในปัจจุบันนั่นเอง จึงเป็นเหตุให้ได้ดำรงตำแหน่ง "ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช" เมื่อสิ้นสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ในวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ.2556

หลังงานพระราชทานเพลิงศพ สมเด็จพระสังฆราช ในวันที่ 17 ธันวาคม ศกนี้ จะต้องมีการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช พระองค์ใหม่ ภายในปี พ.ศ.2559 เรื่องราวทั้งสิ้นทั้งปวงจึงมาพัวพันกันเหมือนนัดหมาย ได้แก่

พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ต้องคดีอุกฉกรรจ์ ระดับปาราชิก เมื่อมีหลักฐานว่า ได้รับเช็คเงินสดเป็นจำนวนหลายร้อยล้านบาท จากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์คลองจั่น ซึ่งต้องคดีฉ้อโกง ในขณะนี้ยังถูกคุมขังอยู่ในคุก และทางมหาเถรสมาคม ซึ่งมีสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ วัดปากน้ำ พระอุปัชฌาย์ของธัมมชโย ทำเฉยเมย ไม่เคยดำเนินการสืบสวนสอบสวนใดๆ เกี่ยวกับกรณีนี้ หนำซ้ำยังส่งกรรมการมหาเถรสมาคมไปร่วมด้วยช่วยงานของวัดพระธรรมกาย ทั้งภายในและภายนอกประเทศ อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ล่าสุดก็คือ งานตักบาตรพระ 10,000 รูป ที่จังหวัดสมุทรสาคร

ฝ่ายพุทธะอิสระจึงตราหน้าว่า สมเด็จช่วง คือผู้อยู่เบื้องหลังธัมมชโย วางกำลังกินเมือง โดยสมเด็จช่วงจะช่วงชิงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช ส่วนธัมมชโยก็จะวางกำลัง "ป่าล้อมเมือง" จัดโครงการตักบาตรพระ 2,000,000 รูป 77 จังหวัดทั่วไทย เพื่อยึดประเทศไทยให้เป็นนิกาย "ธรรมกาย" มีสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เป็นประมุข ดังนั้น จึงต้องกระทำทุกวิถีทางเพื่อสกัดกั้นมิให้ "สมเด็จช่วง" ได้ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช ถึงขนาดพุทธะอิสระกล่าวประณามกรรมการมหาเถรสมาคม อันมีสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เป็นประธาน ว่าเป็น "อลัชชี"

และวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ.2558 โพธิรักษ์ เจ้าสำนักสันติอโศก ซึ่งเคยถูกคณะสงฆ์ไทยทำประกาสนียกรรม ประกาศไม่ยอมรับให้เป็นพระสงฆ์ไทยไม่ว่านิกายใด ได้ให้สัมภาษณ์ออกสื่อ ประกาศจะนำกำลังมวลชน เข้าต่อสู้กับมวลชนของวัดพระธรรมกาย หากว่าทางวัดพระธรรมกายและพระธัมมชโย ไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาล

พอโพธิรักษ์ประกาศเท่านั้น สถานการณ์ก็ "ร้อนฉ่า" ขึ้นมาทันที เพราะโพธิรักษ์นี่แหละ คือผู้ร่วมกับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ปลุกม็อบขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อต้นปี พ.ศ.2549 ซึ่งสุดท้ายรัฐบาลแม้วก็..ไปไม่รอด ไล่มาจนถึงรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็โพธิรักษ์กับพุทธะอิสระ ออกมาร่วมกับ กปปส. ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ปิดล้อมรัฐบาลยิ่งลักษณ์จนง่อยเปลี้ยเสียขา ไม่สามารถจะบริหารประเทศไทยได้อีกต่อไป จนกระทั่งถูกปฏิวัติยึดอำนาจไปในที่สุด

สรุปว่า ม็อบการเมืองที่เคยขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์-ทักษิณ สำเร็จมาแล้วนั้น ได้สนธิกำลังกันพุ่งเป้าไปที่วัดพระธรรมกายและวัดปากน้ำ โดยมี 2 เป้าหมายใหญ ได้แก่

1. สกัดสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ไม่ให้ขึ้นดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดๆ อาจจะใช้กำลังเข้าปิดล้อมพุทธมณฑลหรือแม้แต่วัดปากน้ำ เพื่อให้มหาเถรสมาคมไม่สามารถประชุมได้ เหมือนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ถูกปิดล้อม ก็เป็นอันล้มเหลวเช่นเดียวกัน

2. ผลักธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ให้เข้าคุกเข้าตะราง ตามกฎมณเฑียรบาล ไม่ยอมให้ทำตัวเป็นผู้มีอำนาจเหนือรัฐธรรมนูญอีกต่อไป

ถามว่า ธัมมชโย จะยอมจำนนอย่างง่ายๆ อย่างนั้นหรือ ?

ตอบว่า หามิได้ ! หนำซ้ำ ธัมมชโยกลับยิ่งเคลื่อนไหวหนักยิ่งขึ้น เมื่อทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ประกาศ "ไม่อนุญาต" ให้วัดพระธรรมกายจัดตักบาตรที่ราชประสงค์ เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2558 ที่ผ่านไป ธัมมชโยซึ่งเป็นคน "ยิ่งว่ายุ่งยุ" จึงเปิดแคมเปญใหญ่ "ตักบาตรพระ 2 ล้านรูป 77 จังหวัด ปูพรมทั่วประเทศไทย" หนักกว่าปิดถนนเดินธุดงค์กลางกรุงเทพมหานคร !

แบบนี้เรียกว่า ขิงก็รา ข่าก็แรง ไม่ว่าฝ่ายใดก็..ไม่ธรรมดา มีแต่เดินหน้าฆ่ามันอย่างเดียว ไม่มีใครยอมถอยเลย เพียงแต่ลีลาท่าทางของ "ธัมมชโย" จะดูนุ่มนิ่ม ไม่ยอมออกมาปะทะ ด่ากราด เหมือนพุทธะอิสระ แต่พฤติกรรมนั้น ไม่ต่างกัน เหมือนจะยั่วยุ เยาะเย้ย หนักข้อขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ !

 

 

ตื่นเถิดชาวพุทธ เฟสบุ๊ค ของธรรมกาย

 

 

ในงานตักบาตรพระ 10,000 รูป ที่จังหวัดสมุทรสาครที่ผ่านมา พุทธะอิสระประกาศจะนำม็อบไปร่วมงานบิณฑบาตด้วย โดยประกาศจะรับบาตรเป็นรูปที่ 10001 ร้อนถึงธัมมชโย ได้ให้สาวกธรรมกาย ออกมาเคลื่อนไหวโจมตีพุทธะอิสระอย่างรุนแรง ด้วยเฟสบุ๊คที่ชื่อว่า "ตื่นเถิดชาวพุทธ-Wake up Buddhist" ออกมาด่าทอต่อต้านพุทธะอิสระอย่างโจ๋งครึ่ม ไม่ปิดบังเลยว่านี่คือ "เพจนอมินีของธรรมกาย" เพียงแต่ใช้ชื่อปลอมเท่านั้น ดังเช่น

 





 

 

เป็นต้น

จะเห็นว่า ด้านหนึ่งนั้น ก็ออกอาการ "อ้อนวอน-ขอความเห็นใจ" ในความทุกข์ยากของพระสงฆ์ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ เหมือนองค์การกาชาดสากลที่มุ่งจะเอาอาหารและยาเข้าไปช่วยเหลือเหยื่อสงคราม แต่ถูกปิดล้อมด้วยกองกำลังทหาร ส่งผลให้เกิดความสงสารและเห็นใจใน "มนุษยธรรม" แต่อีกด้านหนึ่งนั้น คนพวกเดียวกันนี้ ก็แสดงกริยาท่าทีที่แข็งกร้าวและหยาบคาย ซึ่งเมื่อมองถึง "วัตถุประสงค์" ในการกระทำก็คือ การปกป้องโครงการของวัดพระธรรมกาย ซึ่งก็คือ ปกป้องพระธัมมชโย นั่นเอง เกือบจะเนียน แต่ก็..ไม่เนียน เพราะสถานการณ์ฉุกเฉิน เลยปล่อยไก่ออกมาหลายตัว !

 

 

ทะเลาะกันเอง เหยื่ออันโอชะของศัตรู

 

อย่างไรก็ดี สิ่งที่อยากจะชี้ให้เห็นก็คือว่า การที่วัดพระธรรมกาย ได้จัดโครงการบิณฑบาต โดยอ้างว่า จะนำเอาอาหารไปช่วยเหลือพระสงฆ์ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ทำนองว่า พระสงฆ์ในสามจังหวัดเหล่านั้น "ออกบิณฑบาตไม่ได้" และ "ไม่มีใครช่วยเหลือ" ถ้าธรรมกายไม่ไปแล้ว ก็เท่ากับปล่อยให้พระสงฆ์เหล่านั้น "อดตาย-ย้ายหนี" และสุดท้ายก็คือ ชายแดนใต้ถูกมุสลิมยึดครอง !

นั่นย่อมจะเป็นการเรียกความศรัทธาในโครงการ เพราะมีความสงสารต่อชะตากรรมของ "ชาวพุทธใต้" ในทำนองว่า พุทธด้วยกันต้องช่วยเหลือกัน จะมาทะเลาะกันไปทำไม ใครได้ยินแล้วไม่เฮิร์ทหัวใจก็ไม่ใช่พุทธแล้ว !

 

แต่ในความเป็นจริงแล้ว พระสงฆ์ในสามจังหวัดชายแดนใต้ ยังคงออกบิณฑบาตได้ แม้จะไม่อยู่ในสถานการณ์ปกติ แต่ก็มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหาร เป็นชุดคุ้มครองพระสงฆ์ที่ออกบิณฑบาต ซึ่งก็มีเหตุการณ์ถูกลอบวางระเบิดหลายครั้ง สูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ทางรัฐบาลและมหาเถรสมาคม โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ดำเนินการช่วยเหลือทั้งทางตรงและทางอ้อม ตั้งแต่การถวายนิตยภัต (ค่าอาหาร) เป็นรายหัว ให้แก่พระภิกษุสามเณรที่จำพรรษาอยู่ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ รวมทั้งการช่วยเหลือในรูปแบบต่างๆ ตามที่มีการร้องขอมา แทบว่าไม่เคยถูกปฏิเสธจากรัฐบาลและมหาเถรสมาคม เพียงแต่ไม่มีการประโคมข่าวอึกทึกเหมือนธรรมกายทำเท่านั้น !

ขอย้ำว่า รัฐบาลไทยและมหาเถรสมาคม รวมทั้งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ดำเนินการบริหารจัดการดูแลมาโดยตลอด เป็นหน่วยงานหลัก ธรรมกายต่างหากที่เป็นองค์กรเสริม แต่การโฆษณาของธรรมกาย ได้ประโคมโน้มน้าวประหนึ่งว่า ธรรมกายเป็นองค์กรหลักเสียเอง เหมือนๆ กับการประกาศโครงการว่า "คณะสงฆ์ไทยรวมใจช่วยพระสงฆ์ชายแดนใต้" แต่พอไปถึงภาคใต้แล้ว ก็เปลี่ยนป้ายเสียใหม่เป็น "มูลนิธิธรรมกาย โดยความดำริของพระเดชพระคุณ พระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย)" ไปโน่น

 

 

แต่เหตุไฉน วัดพระธรรมกาย จึงตีฆ้องร้องป่าว จัดโครงการตักบาตรทั่วประเทศ ประหนึ่งว่า ทั้งประเทศมีแต่เพียง "วัดพระธรรมกาย" เท่านั้น ที่เข้าไปช่วยเหลือพี่น้องชาวพุทธใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ !

การออกมาประกาศทำนองนี้ เท่ากับเป็นการ "ตบหน้า" รัฐบาลไทย และมหาเถรสมาคม อันเป็นองค์กรปกครองคณะสงฆ์ไทยทั่วประเทศ ภายใต้การบริหารของ "สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์" องค์อุปัชฌาย์ของธัมมชโยเอง รวมทั้ง "พระพรหมจริยาจารย์" ในฐานะเจ้าคณะใหญ่หนใต้ ว่าไม่มีความรับผิดชอบ ปล่อยให้พระสงฆ์ในชายแดนใต้ต่อสู้ดิ้นรนเพียงลำพัง มีเพียงวัดพระธรรมกายเท่านั้นที่เข้าไปช่วยเหลือ !

 

 

ภาพพระภิกษุ-สามเณร ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ถูกลอบยิง-วางระเบิด กระทำร้าย ในขณะออกบิณฑบาต ตามวัตรปฏิบัติของพระสงฆ์ในบวรพระพุทธศาสนา เป็นภาพที่น่าสะเทือนใจยิ่งนัก เพราะท่านเป็นผู้ไร้ศาตราอาวุธ แต่กลับถูกกระทำให้เป็น "เหยื่อ" ในทางการเมือง ที่มีการ "ดึง" ศาสนามาเป็นชนวนพิพาท เพื่อดึงพลังมวลชนให้ต่อต้านรัฐไทย เพราะไม่มีอะไรจะสะเทือนใจไปกว่าเรื่องศาสนา

ในอีกภาพหนึ่งนั้น เมื่อวัดพระธรรมกาย ประโคมโน้มน้าวว่า พระสงฆ์ในสามจังหวัดชายแดนใต้ ตกอยู่ในสภาวะวิกฤต ไม่สามารถออกบิณฑบาตได้ วัดพระธรรมกายจึงได้จัดโครงการตักบาตรพระ 2,000,000 รูปขึ้นมา ทั่วประเทศไทย เพื่อนำเอาอาหารไปถวายให้พระสงฆ์เหล่านั้น เพื่อให้พระพุทธศาสนายังคงดำรงอยู่ได้ในดินแดนแหลมทอง ซึ่งแรกนั้นก็ยังไม่เน้นประเด็นเหล่านี้เท่าใดนัก แต่เมื่อพุทธะอิสระประกาศจะนำมวลชนไปขัดขวางการบิณฑบาตที่สมุทรสาครเข้าเท่านั้น ฝ่ายธรรมกายก็ถึงกับตีอกชกตัว ทุรนทุราย แสดงอาการ "อยาก" อย่างออกหน้า ทำนองว่า "ถ้าธรรมกายไม่ไป ใครจะไป ไม่มีใครไปช่วยพระสงฆ์ในชายแดนใต้เลย จะปล่อยให้ท่านเหล่านั้นอดตายอย่างนั้นหรือ เป็นคนไทยหรือเปล่า เป็นชาวพุทธหรือเปล่า ?"

นี่คือภาพที่เห็น กลายเป็นว่า พระสงฆ์ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ถูกธรรมกาย "จับเป็นตัวประกัน" เพื่อให้โครงการตักบาตรพระ 2 ล้านรูป ดำเนินไปตามประสงค์ ของท่านธัมมชโย เท่านั้น

ไม่เชื่อก็ลอง "ยกเลิก" โครงการบิณฑบาตเสียแต่วันนี้สิ จะได้พิสูจน์กันว่า พระสงฆ์สามจังหวัดชายแดนใต้ อยู่ได้หรือไม่ ถ้าไม่มีธรรมกาย จะได้พิสูจน์ด้วยว่า ไม่มีใครช่วยเหลือพระสงฆ์ไทยเหล่านั้นเลย ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือมหาเถรสมาคม ตามที่ธรรมกายสมอ้าง

กลัวก็แต่ว่า ธรรมกายนั่นแหละ จะอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีสงฆ์สามจังหวัดชายแดนใต้ นั่นต่างหากเล่า !

 

อะลิตเติ้ลบุ๊ดด่ะ ดอทคอม
27 ตุลาคม 2558

 

 

 

E-Mail To BK.

peesang2555@hotmail.com

ALITTLEBUDDH.COM HOMEPAGE WAT THAI LAS VEGAS 2920 MCLEOD DRIVE LAS VEGAS NEVADA 89121 U.S.A. (702) 384-2264