เก้าอี้เจ้าคณะภาค 12 ร้อนฉ่า ! มือดีชิงดำเจ้าคุณสุรชัย ใครจะได้คุมหลวงพ่อโสธร ? |
24 สิงหาคม 2557 กลางพรรษาที่ผ่านมา เริ่มต้นคดีประวัติศาสตร์ระดับ "ช้างล้ม" เมื่อ "อะลิตเติ้ลบุ๊ดด่ะ ดอทคอม" คอนเฟิร์มแหล่งข่าวแล้ว พาดหัวข่าวตัวโตเตะตาว่า "ภูเขาทองระเบิด ข่าวดังลั่นทุ่ง เจ้าคุณเสนาะปลดเจ้าคุณธงชัย เล่นหนักแจ้งจับข้อหาโกงเงินวัด" แถมด้วยเนื้อข่าวอีกนิดหน่อย ปล่อยให้ผู้ชมเข้าเช็คข้อมูลเอาเอง ที่..เฟสบุ๊ค "ตีแผ่ความจริง คนไร้คุณธรรม ไร้ความเป็นผู้นำ" ซึ่งไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ แต่เนื้อหาทั้งดุ้นนั้นเจาะจงถวาย..พระพรหมสุธี หรือเจ้าคุณเสนาะ เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เจ้าคณะภาค 12 กรรมการมหาเถรสมาคม และประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ เจ้าคุณเสนาะคือผู้ยิ่งใหญ่แห่งคณะสงฆ์ไทย เพราะเคยดำรงตำแหน่ง "เลขานุการ" สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) อดีตประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช
พระพรหมสุธี
คดีลากยาวข้ามปี จนกระทั่งวันที่ 15 มกราคม 2558 ก็มีลิขิตสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) วัดปากน้ำ ในฐานะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช มีบัญชาให้ "พระพรหมสุธี-เสนาะ ปญฺญาวชิโร" พ้นจากตำแหน่งกรรมการมหาเถรสมาคม อันเทียบได้กับตำแหน่งรัฐมนตรีของคณะสงฆ์ไทย จากนั้นก็เริ่มเกมไพ่โดมิโน เรียกตามภาษานักธรณีวิทยาว่า "อาฟเตอร์ช็อก" เจ้าคุณเสนาะถูกปลดระนาว ไล่ตั้งแต่ สั่งพักตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสระเกศ พักตำแหน่งเจ้าคณะภาค 12 และถูกปลดออกจากตำแหน่งประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ เป็นตำแหน่งสุดท้าย แต่ก็ยังมี "สุดท้ายของสุดท้าย" อีก เมื่อเจ้าคุณเสนาะตัดสินใจ "ลาออก" จากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ในวันที่ 10 เมษายน 2558 ถึงจะยังไม่ได้ลาออกจากตำแหน่ง "เจ้าคณะภาค 12" ก็เหมือนลาออกโดยอัตโนมัติ เพราะฐานที่มั่นอะไรไม่เหลือแล้ว แม้แต่ตำแหน่ง "ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ" ก็ไม่ได้เป็น เพราะเพิ่งจากลาออกจากเจ้าอาวาส ดังนั้น ตำแหน่ง "เจ้าคณะภาค 12" จึงต้องหาคนมาดำรงตำแหน่งแทน ผู้คนส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับตำแหน่ง "เจ้าอาวาสวัดสระเกศ กรรมการมหาเถรสมาคม และประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ" อาจจะมองข้ามความสำคัญของ "เจ้าคณะภาค 12" ไป แต่ความจริง นอกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระอารามหลวงแล้ว ตำแหน่งเจ้าคณะภาคนี่แหละ ที่เป็นฐานการเมืองชั้นดี ใครไม่มีตำแหน่งนี้ไว้เป็นฐาน ก็เหมือนคนหลักลอย เหมือนนายทหารไม่ได้คุมกำลังพล เป็นแต่เพียงนายทหารธุรการหรือจเร ถึงจะเท่ห์แต่ก็..กินไม่ได้ ในบรรดาภาคต่างๆ ของคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ซึ่งแบ่งออกเป็น 18 ภาคแล้ว ถ้าจะเรียงลำดับความสำคัญก็คงต้องเริ่มจาก ภาค 1 ซึ่งคุมกรุงเทพเมืองหลวง และบริวาร (นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ) ภาค 7 ซึ่งคุมเชียงใหม่ หัวเมืองเหนือและบริวาร (ลำพูนและแม่ฮ่องสอน) ภาคสำคัญอันดับ 3 ก็น่าจะเป็น "ภาค 12" อันควบคุมบังคับบัญชาพระสงฆ์ใน 4 จังหวัด ได้แก่ ปราจีน นครนายก ฉะเชิงเทรา และสระแก้ว ถึงแม้ว่าจังหวัดเหล่านี้จะมิใช่จังหวัดใหญ่ แต่ในเขตจังหวัดฉะเชิงเทรานั้น มีวัดสำคัญระดับประเทศอยู่วัดหนึ่ง วัดนั้นคือ วัดโสธรวราราม อันมีหลวงพ่อโสธร พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ที่ผู้คนนิยมไปบนบานกันมากที่สุดในประเทศไทย ส่งผลให้วัดหลวงพ่อโสธรกลายเป็นวัดมีรายได้มหาศาล แน่นอนว่าต้องรวยกว่าใครในไทยแลนด์ และนี่คือความสำคัญที่บรรดาผู้มีอำนาจทางคณะสงฆ์ในประเทศไทยพยายามเข้าไปครอบครอง ทั้งทางตรงและทางอ้อม ทางอ้อมก็คือ ได้เป็นผู้ปกครอง บังคับบัญชา ในระดับเบื้องสูงขึ้นไป อันได้แก่ เจ้าคณะภาค และเจ้าคณะหน รวมทั้งกรรมการมหาเถรสมาคม ทางตรงก็คือ เข้าไปดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสเอง หรือส่งคนของตนเองเข้าไปดำรงตำแหน่ง เพื่อรักษาผลประโยชน์มหาศาลในอารามแห่งนี้เอาไว้ หากสังเกตการ "ยึดครองทำเลทอง" ของผู้มีอำนาจในอดีต ก็จะพบว่า วัดชนะสงคราม สมเด็จพระมหาธีราจารย์ (นิยม ฐานิสฺสโร) เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ส่งเจ้าคุณประกอบ (พระพรหมกวี) ไปดำรงตำแหน่งวัดกัลยาณมิตร อันมีหลวงพ่อโตซำปอกงประดิษฐานอยู่ วัดนี้ก็มีเงินระดับพันล้าน วัดสระเกศ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก และประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ส่งเจ้าคุณเสนาะ (พระพรหมสุธี) ไปรักษาการเจ้าอาวาสวัดโสธร นานถึง 5 ปี เมื่อลุกจากเก้าอี้รักษาการ ก็เอาหลวงตาประยงค์ (พระพิพิธกิจจาภิวัฒน์) จากวัดท่าสะอ้าน ซึ่งว่านอนสอนง่าย ให้เข้ามาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามแทน ทั้งๆ ที่ภายในวัดก็ยังมีพระเจ้าคุณอยู่ แต่อำนาจที่เหนือกว่าเขาจะเอาอย่างนี้ เมื่อมีกระแสต่อต้านภายในวัด คำสั่ง "พักงาน 7 ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธร" อันพิลึกพิลั่น จึงตามมา เห็นไหมว่า อำนาจและเงินตรานั้นทำได้ทุกอย่าง เจ้าคุณเสนาะนั้น ดำรงตำแหน่ง "เจ้าคณะภาค 12" จึงถือว่าคุมวัดโสธรในอำนาจอยู่แล้ว แต่เมื่อได้ลงมารักษาการเจ้าอาวาสวัดโสธรอีก ก็เท่ากับคุมทั้งข้างบนข้างล่าง และเพื่อประกันฐานอำนาจไว้อีกชั้นหนึ่ง จึงตั้งให้ "พระราชปัญญาโสภณ (สุรชัย สุรชโย ป.ธ.7)" เด็กปั้นในวัดสระเกศ ให้เข้ามาดำรงตำแหน่ง "รองเจ้าคณะภาค 12" และเมื่อเจ้าคุณเสนาะถูกพักงานจากเจ้าคณะภาค 12 ในวันที่ 17 มกราคม 2558 เจ้าคุณสุรชัยจึงได้ขึ้นรักษาการแทน ซึ่งหมายถึงว่า อำนาจยังอยู่ในมือเจ้าคุณเสนาะ เพราะเจ้าคุณสุรชัยเป็นเด็กของเจ้าคุณเสนาะนั่นเอง เมื่อตำแหน่งเจ้าคณะภาค 12 ว่างลงในวันนี้ สายตาผู้คนจึงจับจ้องไปที่ "เจ้าคุณสุรชัย" ว่าจะได้ขึ้นดำรงตำแหน่งเจ้าคณะภาค 12 หรือไม่ ?
พระเทพรัตนมุนี
หากมองด้วยสายตาปรกติ ว่าโดยอายุพรรษา ตำแหน่ง และสมณศักดิ์แล้ว เจ้าคุณสุรชัยก็น่าจะได้ขึ้นเป็นเจ้าคณะภาค 12 เพราะปัจจุบัน เจ้าคุณสุรชัยมีอายุ 50 พรรษา 28 วิทยฐานะ น.ธ.เอก ป.ธ.7 ดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะภาค 12 มาหลายปี และเพิ่งจะได้เลื่อนสมณศักดิ์ขึ้นเป็น "พระเทพรัตนมุนี" เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2557 ที่ผ่านมา ถือว่าผ่านเกณฑ์เจ้าคณะภาคสบายๆ แต่เจ้าคุณสุรชัยกลับติดปัญหา "คาบลูกคาบดอก" ว่าด้วยคุณสมบัติทั้งด้านอายุพรรษา-อายุงาน-สมณศักดิ์ และที่สำคัญก็คือ "สายสัมพันธ์" กับเจ้าคุณเสนาะในอดีต เรื่องอายุพรรษานั้น ถ้าเทียบกับ "มหาสายชล" เด็กปั้นของสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ ซึ่งดันขึ้นเป็นเจ้าคณะภาค 1 ขณะอายุเพียง 45 ปี ข้อนี้เจ้าคุณสุรชัยได้เปรียบเยอะ อายุงานก็เช่นกัน เจ้าคุณสุรชัยเป็นรองภาค 12 มาหลายปี จึงไม่มีปัญหาเหมือนมหาสายชล สมณศักดิ์ ก็อยู่ชั้นเทพ เทียบกับมหาสายชลซึ่งเป็นเพียงชั้น "สามัญ" แต่ได้กินภาค 1 จึงถือว่าเหนือชั้นอีก (แต่ตรงนี้ก็ยังมีตำหนิอยู่ว่า เจ้าคุณสุรชัยได้ชั้นเทพ เพราะแรงดันของเจ้าคุณเสนาะก่อนสิ้นอำนาจ หากไม่มีเจ้าคุณเสนาะ ก็เชื่อว่าน่าจะยังอยู่ชั้นราช) ก็สรุปว่า เจ้าคุณสุรชัยติดอยู่เรื่องเดียวคือ เป็นเด็กของเจ้าคุณเสนาะ แถมเจ้าคุณเสนาะก็เพิ่งจะหมดบุญเอาเมื่อวานนี้เอง อย่างเจ้าคุณสายชลหรือเจ้าคุณเสนาะนั้น ที่เติบใหญ่ได้ก็เพราะมี "ผู้ใหญ่หนุนหลัง" ระดับสมเด็จและเจ้าคณะหน ผู้คนจึงไม่กล้าทักท้วง แต่ผู้ใหญ่ของเจ้าคุณสุรชัยในวันนี้ไม่มี หรือมีก็ไม่เหมือนมหาสายชล ผู้คนจึงมองด้วยใจระทึกว่า จะไปถึงดวงดาวหรือเปล่า ? กลับกัน สายตาหลายคู่ยังมองด้วยซ้ำไปว่า เมื่อพี่ใหญ่คือเจ้าคุณเสนาะ พ้นจากภาค 12 ไปแล้ว น้องรองคือเจ้าคุณสุรชัยก็น่าจะพ้นตามไปด้วย เพราะเป็นทีมงานเดียวกัน แต่อีกสายตาหนึ่งก็มองว่า อย่าไปเหวี่ยงแหแบบนั้น ใครผิดก็ควรว่าไปตามผิด เขาไม่ผิดจะให้รับผิดได้อย่างไร ?? คุณสมบัติของเจ้าคุณสุรชัย ยังถูกนำมาเปรียบเทียบกับ "ความยิ่งใหญ่" ของภาค 12 ซึ่งถือว่าเป็นเขตอิทธิพล "อันดับ 1" ในหนตะวันออก แน่นอนว่า หากเจ้าคุณสุรชัยได้ขึ้นเป็นเจ้าคณะภาค 12 ก็จะกลายเป็นเจ้าคณะภาคทรงอิทธิพล เป็นอันดับที่ 3 ของประเทศไทยไปทันที แต่ลองสำรวจดูทั่วไทยสิว่า ในบรรดาภาคต่างๆ อีก 15 ภาคนั้น ยังมีผู้ใหญ่ในระดับ "รองสมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะชั้นธรรม และกรรมการมหาเถรสมาคม" ครองอยู่อีกหลายรูป ซึ่งแต่ละรูปก็มีอำนาจวาสนา "สูงส่งกว่า" เจ้าคุณสุรชัยมากมายนัก ถึงขนาด "ชี้เป็นชี้ตาย" อนาคตของเจ้าคุณสุรชัยได้ด้วย ดังนั้น ผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้นจะยอมให้เจ้าคุณสุรชัย อดีตเด็กปั้นของเจ้าคุณเสนาะขึ้นเป็นเจ้าคณะภาค 12 มีอำนาจวาสนามากกว่าตัวเองอย่างนั้นหรือ ไม่ต้องดูอื่นไกล แค่ "พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ)" ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดสระเกศ เจ้านายสายตรงของเจ้าคุณสุรชัยในวันนี้ ก่อนหน้านั้น เจ้าคุณธงชัย มีบุญน้อยกว่าเจ้าคุณเสนาะ จึงได้ไปกินภาค 10 ในเขตอีสานใต้ มีอุบลราชธานีเป็นหัวเมืองหลัก แต่ ณ วันนี้ เจ้าคุณเสนาะสิ้นอำนาจ เจ้าคุณสุรชัยต้องหันมาซบเจ้าคุณธงชัยในฐานะเจ้าอาวาสวัดสระเกศ แล้วเจ้าคุณธงชัยจะยอมให้เจ้าคุณสุรชัยเป็น "เจ้าคณะภาค 12" ซึ่งใหญ่กว่า ภาค 10 ของตัวเอง อย่างนั้นหรือ มันคงไม่มีประเพณีที่ไหนกระทำกันแน่
สมเด็จพระพุฒาจารย์
มองไปที่ "ผู้ใหญ่สูงสุด" ในเขตอีสานหรือหนตะวันออกนั้น ปัจจุบัน สมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) วัดไตรมิตร ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก บังคับบัญชาเจ้าคณะภาคทุกภาคในหนตะวันออก รวมทั้งภาค 10 และ 12 ซึ่งในวัดไตรมิตรนั้น พระเทพมุนี (เก็ง อาสโภ ป.ธ.9) ได้เป็นเจ้าคณะภาค 8 ควบคุมคณะสงฆ์ในจังหวัดอุดรธานี หนองคาย เลย สกลนคร และหนองบัวลำภู ดูยังไงก็สู้ภาค 12 ไม่ได้ แต่ตอนนั้นวัดไตรมิตรยังไม่มีอำนาจเหมือนปัจจุบัน จึงต้องให้ผู้ใหญ่เขาเลือกเอาเขตสำคัญๆ ไปครองก่อน มาวันนี้ วัดไตรมิตรได้เป็นเจ้าคณะหน ขณะที่วัดสระเกศเหลือแค่เจ้าคณะภาค 10 กับรักษาการเจ้าคณะภาค 12 อำนาจต่อรองจึงไม่มี ทีนี้ว่า เมื่ออำนาจ "ชี้ขาด" ในตำแหน่งเจ้าคณะภาค 12 อยู่ในมือของสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดไตรมิตร แล้วเรื่องอะไรวัดไตรมิตรจะยกให้วัดสระเกศไปครอง ถ้าทำแบบนั้นก็แสดงว่าวัดไตรไม่เป็นมวย ! ดูตัวอย่าง เมื่อเจ้าคณะภาค 10 ว่าง สมเด็จเกี่ยวก็ส่ง "เจ้าคุณธงชัย-วัดสระเกศ" ข้ามห้วยไปดำรงตำแหน่งทันที เมื่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ อ้างปัญหาสุขภาพ ขอลาออกจากเจ้าคณะใหญ่หนเหนือ ก็เสนอ "เจ้าคุณวิเชียร" เข้าเสียบแทนทันที พอเจ้าคุณวิเชียรได้เป็นหนเหนือ ก็ดึงมหานิกร เลขาภาค 7 เก่าของตัวเอง (เจ้าคุณวิเชียร) เข้าแถวในตำแหน่งรองเจ้าคณะภาค 7 เตรียมความพร้อมให้เป็นเจ้าคณะภาค 7 ในอนาคต ปลายปีนี้ก็เลื่อนให้เป็น "ชั้นราช" ก่อน ไม่มีใครยอมใครอยู่แล้วในเรื่องแบบนี้ เป็นประเพณีปฏิบัติของคณะสงฆ์ไทยในเบื้องบน ที่ใช้ระบบ "แบ่งแยกแล้วปกครอง" แบ่งประเทศไทยออกเป็นหนกลาง หนเหนือ หนใต้ หนตะวันออก ยึดครองเป็นเขตอำนาจ "ของใครของมัน" ทำกันมาจนเป็นอาจิณกรรม มาบัดนี้ ถึงทีสมเด็จฯวัดไตรมิตรแล้ว โอกาสทองมาถึงแล้ว จะกินเองหรือจะยกให้คนอื่นไปกิน ?
พระพรหมมังคลาจารย์
ถามว่า ในวัดไตรมิตร มีพระราชาคณะที่มีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับตำแหน่งเจ้าคณะภาคไหม ? หมายถึงว่าที่ยังไม่ได้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะภาค คำตอบก็คือ มี ที่ว่านี้คือ พระพรหมมังคลาจารย์ หรือเจ้าคุณธงชัย ซึ่งว่ากันว่าเป็นพระรวยที่สุดในกรุงเทพมหานคร แถมยังเข้าวังบ่อยที่สุดอีกด้วย จะว่าไปแล้ว เจ้าคุณธงชัย "มีพร้อมทุกด้าน" ไม่ว่าจะด้านอายุพรรษา วิทยฐานะ วาสนาบารมี เพราะเป็นถึงรองสมเด็จพระราชาคณะ ที่สำคัญก็คือ อยู่ในสายวัง ไม่งั้นไม่มีทางเป็นรองสมเด็จ ทั้งๆ ที่ไม่มีตำแหน่งปกครองเลยแม้แต่เก้าอี้เดียว ซึ่งทางเดินของเจ้าคุณธงชัยนั้นก็คล้ายเจ้าคุณประสิทธิ์ หรือพระพรหมวชิรญาณ วัดยานนาวา แต่ปัจจุบันเจ้าคุณธงชัยได้เปรียบพระพรหมวชิรญาณ เพราะลูกพี่คือสมเด็จสนิทได้เป็นเจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก มีอำนาจสิทธิ์ขาดสามารถชี้เป็นชี้ตายในตำแหน่งเจ้าคณะภาค 12 ได้ ถ้า เจ้าคุณธงชัย-วัดไตรมิตร จะได้เป็นเจ้าคณะภาค 12 ก็คงจะใช้วิธีการเดียวกับ เจ้าคุณธงชัย-วัดสระเกศ วัดสระเกศ ที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะภาค 10 ขณะมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 9 ถ้าสมเด็จสนิทยังคงใช้หลักการเดิมที่ว่า "คนของเราได้ ดีกว่าคนของเขาได้" เจ้าคุณธงชัย-วัดไตรมิตร จึงถือว่าเป็น "เต็งหนึ่ง" ในตำแหน่งเจ้าคณะภาค 12
เจ้าคุณธงชัย
เจ้าคุณธงชัย เล่นบท "น้องรอง" ยอมเดินตามสมเด็จสนิท 1 ก้าว วันนี้ การอ่อนน้อมถ่อมตนจะส่งผลให้ได้เป็นเจ้าคณะภาค 12 หรือไม่ ต้องวัดใจคนในวัดไตรมิตรกันเอง เจ้าคุณธงชัยนั้น วงการพระถือว่า "ไม่ธรรมดา" โดยเฉพาะเรื่องสร้างและจำหน่ายพระเครื่องนั้น ปัจจุบันเจ้าคุณธงชัยรั้งตำแหน่งจ่าฝูง ยิ่งได้ "ชินพร สุขสถิตย์" ศิษย์เอกหลวงปู่ทิมมาเสริมบารมี ก็ยิ่งไปไกล ต่อให้ "เจ้าคุณวีรยุทธ" แห่งวัดไทยพุทธคยาที่ว่าสุดยอดก็เถอะ เจอเจ้าคุณธงชัยวัดไตรมิตรก็ไม่แน่ว่าใครจะเหนือกว่าใคร
พระพรหมวชิรญาณ
ถามว่า มีรูปอื่นอีกไหม ที่จะเบียดเข้ามาในตำแหน่งเจ้าคณะภาค 12 คำตอบก็คือ มี, ที่ว่านี้ได้แก่ พระพรหมวชิรญาณ (ประสิทธิ์ เขมงฺกโร ป.ธ.3) เจ้าอาวาสวัดยานนาว่า ซึ่งมีอาวุโสสูงสุดในปัจจุบัน แต่ถูกกีดกันไว้นอกสายการปกครองตลอดมา ไม่ว่าตำแหน่งเจ้าคณะ กทม. เจ้าคณะภาค 10 อันเป็นบ้านเกิดของเจ้าคุณประสิทธิ์เองก็ตาม ก็ถูกกรรมการมหาเถรสมาคมสายอื่นๆ เขากีดกันท่านไว้นอกวง เพราะตั้งข้อรังเกียจว่า "ได้สมณศักดิ์มาเพราะอำนาจพิเศษ ไม่ได้ผ่านมหาเถรสมาคมเหมือนองค์อื่นๆ" เกมชิงแต่งตั้งจึงออกก่อนคำขอจากอำนาจพิเศษเสมอๆ แบบว่าว่างปุ๊ปต้องรีบตั้งปั๊ป ไม่งั้นเกิดมีรายการ "ตชด.ขอร้อง" เข้ามา จะไม่ให้ก็ไม่ได้ ดังนั้น จึงต้องรีบตั้ง เพื่อจะได้ตอบคำถามว่า "ตำแหน่งยังไม่ว่าง" หากพระพรหมวชิรญาณจะได้เป็นเจ้าคณะภาค 12 ก็ต้องเชื่อว่าเป็นปาฏิหาริย์มีจริง
พระพรหมเสนาบดี
พระพรหมเสนาบดี (พิมพ์ ญาณวีโร ป.ธ.7) เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคา ถือว่าเป็นอีกองค์ที่ "วืดไป" เพราะเพิ่งได้รับตำแหน่งเจ้าคณะภาค 7 ไปหยกๆ ภาคเหนือโดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ ถึงตัวเมืองใหญ่ แต่ลาภสักการะน้อย เพราะชนกลุ่มน้อยเยอะ สู้แถวๆ ภาคกลางและฉะเชิงเทราไม่ได้ เจ้าคุณพิมพ์เป็นคนภาคกลาง ขึ้นเหนือล่องใต้บ่อยๆ ก็เหนื่อยล้า นึกๆ ก็อยากจะกลับลงมาทำงานใกล้บ้านเหมือนกัน (ถ้าตำแหน่งว่าง) ยิ่งถ้าได้ครองภาค 12 จะถูกโฉลกมาก เพราะไม่มีประวัติหากินเหมือนเจ้าคุณเสนาะมาก่อน ยิ่งเคยได้รับแต่งตั้งจากสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดไตรมิตร ให้เป็นประธานสอบการเงินของวัดโสธรที่เกี่ยวข้องกับเจ้าคุณเสนาะ ก็ทำให้พระพรหมเสนาบดีมีความคุ้นเคยกับภาค 12 โดยเฉพาะวัดโสธรเป็นอย่างยิ่ง เสียดายที่บุญมาถึงไวไป ได้เป็นภาค 7 ไปแล้ว แหมวันก่อนก็ว่าสุดยอดแล้วเชียว เจอะบัวตูม วันนี้มาเจอบัวบานเพิ่มอีกดอก สองจิตสองใจ ตัดอะไรก็ยาก ต้องพายเรือวนอยู่ในสายชลห้วยละหานไปอีกนาน ตามตำรา "รักพี่-เสียดายน้อง"
พระพรหมสิทธิ สูตรสุดท้ายที่คิดได้ นั่นคือ สลับ 2 จังหวะ โดยเจ้าคุณธงชัย (พระพรหมสิทธิ) วัดสระเกศ ลุกจากภาค 10 ไปดำรงตำแหน่งเจ้าคณะภาค 12 แล้วยกภาค 10 ให้พระพรหมวชิรญาณ ส่วนเจ้าคุณสุรชัยก็ยังอยู่ที่เดิม คือเป็นรองภาค 12 แต่สูตรนี้เห็นทีจะเป็นไปได้ยาก เพราะเจ้าคุณธงชัยวัดไตรมิตรคงไม่ยอม เพราะไม่ได้อะไรเลย หรือถ้ายกภาค 10 ให้เจ้าคุณธงชัยวัดไตรมิตร เจ้าคุณประสิทธิ์วัดยานนาวาก็คงไม่ยอมเช่นกัน มันไม่ลงตัวเลย
ขมวดปมเกมชิง "เก้าอี้ภาค 12" ในวันนี้ ไพ่ยังคงอยู่ในมือของ "สองธงชัย" อันได้แก่ ธงชัย-วัดสระเกศ กับ ธงชัย-วัดไตรมิตร ธงชัย หรือพระพรหมสิทธิ วัดสระเกศนั้น ในฐานะเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ซึ่งเป็นเจ้าของโควต้าเดิมในภาค 12 ทั้งเจ้าคณะภาคและรองภาค ปัจจุบันยังรักษาการภาคอยู่ ถึงจะต้องยอมให้เจ้าคุณสุรชัยเด็กในวัดสระเกศเป็นภาค 12 ก็ยังดีกว่าให้วัดอื่นครอง ถึงจะต้องทำใจลำบากก็ตาม เพราะเราได้ ดีกว่าเขาได้ ธงชัย หรือพระพรหมมังคลาจารย์ วัดไตรมิตรนั้น วันนี้ นาทีทองมาถึงแล้ว ทุกอย่างพร้อม ทั้งอายุ พรรษา วิทยฐานะ ยศถาบรรดาศักดิ์ ประสบการณ์ หรือแม้แต่เงิน ที่สำคัญก็คือ "อำนาจในการตัดสินใจจะให้ใครนั้นอยู่ที่หลวงพ่อใหญ่วัดไตรมิตร ห่างจากกุฏิใหญ่ของเจ้าคุณธงชัยไปไม่กี่ก้าว" หากคุยกันในวัดไตรมิตรงวดนี้ไม่สำเร็จ รอให้ตายก็ไม่ได้เป็น ดังนั้น เชื่อว่า ธงชัย-ไตรมิตร ต้องทุ่มสุดตัว เอาเก้าอี้เจ้าคณะภาค 12 มาครองให้จงได้ เพราะ..ถ้าข้าไม่ได้ ก็อย่าหวังว่าใครจะได้ ! คำตอบสุดท้าย คงไม่ต้องไปถามใคร นอกจาก "สมเด็จพระพุฒาจารย์-สนิท ชวนปญฺโญ" วัดไตรมิตร ในฐานะเจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก แต่เพียงผู้เดียว |
อะลิตเติ้ลบุ๊ดด่ะ ดอทคอม รายงาน |
E-Mail
To BK.
peesang2555@hotmail.com
ALITTLEBUDDH.COM HOMEPAGE WAT THAI LAS VEGAS 2920 MCLEOD DRIVE LAS VEGAS NEVADA 89121 U.S.A. (702) 384-2264 |