สถานะของพระพรหมวํโส
และพระสงฆ์วัดโพธิญาณ

เมืองเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย

 

 

      


หลักฐานอ้างอิง

1. พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2539

มาตรา 5 ทวิ คณะสงฆ์หมายความว่า บรรดาพระภิกษุที่ได้รับบรรพชาอุปสมบทจากพระอุปัชฌาย์ตามพระราชบัญญัตินี้ หรือตามกฎหมายที่ใช้บังคับก่อนพระราชบัญญัตินี้ ไม่ว่าจะปฏิบัติศาสนกิจในหรือนอกราชอาณาจักร

มาตราที่ 15 จัตวา เพื่อรักษาหลักพระธรรมวินัยและเพื่อความเรียบร้อยดีงามของคณะสงฆ์ มหาเถรสมาคมจะตรากฎมหาเถรสมาคม เพื่อกำหนดโทษ หรือวิธีลงโทษ ทางการปกครอง สำหรับพระภิกษุสามเณรที่ประพฤติให้เกิดความเสียหายแก่พระศาสนาและการปกครองของคณะสงฆ์ได้ พระภิกษุและสามเณรที่ได้รับโทษตามวรรคหนึ่ง ถึงขั้นให้สละสมณเพศ ต้องสึกภายในสามวัน นับแต่วันที่ทราบคำสั่งลงโทษ

มาตรา 20 คณะสงฆ์ต้องอยู่ภายใต้การปกครองของมหาเถรสมาคม

มาตรา 42 ผู้ใดมิได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ หรือถูกถอดถอนจากความเป็นพระอุปัชฌาย์ ตามมาตรา 23 แล้ว กระทำการบรรพชาอุปสมบทแก่บุคคลอื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี

 

มติมหาเถรสมาคม ครั้งที่ 26/2552 วันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ.2552 รับรองการประชุมคณะสงฆ์วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ซึ่งมีมติให้วัดโพธิญาณ เมืองเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย พ้นจากความเป็นสาขาของวัดหนองป่าพง ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ.2552


 

มีคนถามผู้เขียนว่า : เรื่องราวของวัดโพธิญาณ ออสเตรเลีย จะเป็นอย่างไรต่อไป

ผู้เขียนก็ตอบว่า : ก็คงเป็นไปตามนั้น

"ตามไหน" แฟนๆ ยังสงสัย

ผู้เขียนตอบว่า : ก็ตามที่เห็นและเป็นไป คือเวลานี้พระพรหมวังโสและพระสงฆ์ในวัดโพธิญาณทั้งหมด ถูกถอดถอนออกจากคณะสงฆ์ไทย ไม่ใช่พระไทยอีกต่อไปแล้ว แต่จะเป็นพระอะไรต่อไปก็ไม่รู้ล่ะ

"ยังไม่เข้าใจ ท่านหมายถึงว่า.." แฟนๆ ขยักคำถาม

ผู้เขียนจึงต่อกลอนว่า : หมายถึงว่า เวลานี้น่ะ คือนับตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ.2552 เป็นต้นมาหรือเป็นต้นไป โดยนับเวลาที่มหาเถรสมาคมได้รับรองผลการประชุมคณะสงฆ์วัดหนองป่าพงและสาขาทั่วโลกแล้วนั้น เป็นการประทับตราว่า พระพรหมวังโสและคณะสงฆ์วัดโพธิญาณ ได้ขาดจากความเป็นพระสงฆ์ไทย ไม่มีศักดิ์และสิทธิ์ใดๆ เหมือนคณะสงฆ์ไทยอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นยศถาบรรดาศักดิ์ ความเป็นพระ หรือแม้แต่รูปแบบที่ใช้ก็ใช้ไม่ได้อีกต่อไป

"ขนาดนั้นเชียวเหรอ" แฟนๆ ตกใจ

ผู้เขียนก็พยักหน้าตอบว่า "ครับ มันขนาดนั้นเชียวล่ะ เพราะว่า...เคยมีตัวอย่างมาแล้ว..."

 

ตัวอย่างที่ว่านี้ก็คือ กรณีสันติอโศก ของอดีตพระโพธิรักษ์ ซึ่งถูกคณะสงฆ์ไทยลงมติอเปหิ ขับไล่พ้นจากคณะสงฆ์ไปเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ.2532 แม้ว่าโพธิรักษ์จะไม่ยอมรับคำสั่งดังกล่าว แต่เมื่อเรื่องขึ้นสู่ศาลอาญาแล้ว ก็มีคำพิพากษาให้โพธิรักษ์แพ้คดี มีผลมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้

กรณีนี้ก็เช่นกัน เมื่อคณะสงฆ์ไทย โดยมหาเถรสมาคม ลงมติว่า พระวิสุทธิสังวรเถร หรือพระพรหมวังโส พ้นจากคณะสงฆ์ไทย ความหมายก็เหมือนกับมติที่ใช้กับพระโพธิรักษ์ คือว่า ถ้าอยู่ในประเทศไทย พระวิสุทธิสังวรเถรต้องถูกจับสึก ! ถ้าไม่ยอมสึก ก็จะถูกจับกุมในข้อหา "แต่งกายเลียนแบบพระภิกษุสงฆ์"

กรณีโพธิรักษ์นั้น อ้างว่า ตนเองลาออกจากมหาเถรสมาคมแล้ว เป็นนานาสังวาส ต่างคนต่างอยู่ต่างไปไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ข้ออ้างนี้ฟังไม่ขึ้น เมื่อเรื่องถึงศาลก็แพ้คดี เพราะศาลฎีกาพิพากษาว่า "มหาเถรสมาคมมีอำนาจในการสั่งให้พระภิกษุสละสมณเพศได้" กรณีนี้ก็เช่นเดียวกัน เมื่อ พระวิสุทธิสังวรเถรและพระสงฆ์วัดโพธิญาณ ถูกคณะสงฆ์วัดหนองป่าพงขับออกจากหมู่ และมหาเถรสมาคมรับรอง เรื่องก็จึงเข้าทำนองสันติอโศก

"อ้าวแล้วถ้าพระพรหมวังโสไปแต่งตัวเป็นพระไทยไปสวดมนต์ฉันเพลอยู่ที่ประเทศออสเตรเลียล่ะ จะผิดข้อหาอะไร" เป็นคำถามข้ามชาติจากแฟนพันธุ์แท้

ผู้เขียนก็ตอบว่า : ก็คงจะเอาผิดไม่ได้ เพราะกฎหมายไทยเอื้อมไปไม่ถึง ยกเว้นแต่ว่าพระพรหมวังโสจะเดินทางมาประเทศไทยในรูปแบบของพระภิกษุ เพียงแค่เหยียบย่างเข้าสู่แดนไทย ก็เข้าข่ายต้องใช้กฎหมายไทยบังคับแล้ว นี่ไงที่พระพรหมวังโสจะรู้สึก ที่อาจหาญประกาศว่า "กฎหมายไทยไม่สามารถใช้ในประเทศออสเตรเลียได้" จึงทำการบวชภิกษุณีโดยไม่มีมติเห็นชอบจากพระสงฆ์ไทย การอ้างแง่กฎหมายของพระพรหมวังโสนั้นจะย้อนกลับมาสนองในตอนท้าย เรียกว่าเหยียบแผ่นดินไทยไม่ได้เลยก็แล้วกัน เว้นเสียแต่จะสึกไปเป็นฆราวาสหรือบวชใหม่ในนิกายอื่นเท่านั้น อย่าได้คิดว่า การถูกขับออกจากคณะสงฆ์ไทยก็แค่ตัดขาดจากพระสงฆ์ไทยเท่านั้น หากแต่ยังมีผลทางกฎหมายตามมาอีกบานเบอะ รุนแรงถึงระดับประหารชีวิตเชียว !

"แล้วเรื่องพระราชาคณะล่ะจะทำอย่างไร" แฟนๆ ถามอีก

ผู้เขียนจึงว่า "ก็ไม่ต้องทำอย่างไร"

"หมายความว่าไง งงง่ะ" แฟนๆ ส่ายหัว

ผู้เขียนก็อธิบายว่า : ที่ว่าไม่ต้องทำอะไรนั้นก็คือว่า ในเมื่อพระวิสุทธิสังวรเถรถูกถอดจากความเป็นพระสงฆ์ไทยไปแล้ว ก็หมดสิ้นความเป็นพระ เมื่อหมดสิ้นความเป็นพระ สมณศักดิ์พระราชาคณะก็ย่อมจะสิ้นสุด คือหลุดไปด้วย

"ยังไม่เข้าใจ มหาเถรสมาคมไม่ต้องถอดยศพระวิสุทธิสังวรเถรดอกหรือ" แฟนๆ ถามย้ำ

ผู้เขียนจึงกล่าวว่า : ก็ถอดแล้วนี่ ถอดทั้งยศทั้งสมณเพศพร้อมกันเลยทีเดียว แหมมันก็เหมือนพระสึกไปนั่นแหละ หมดความเป็นพระเมื่อใด สมณศักดิ์ก็หมดไปด้วยโดยอัตโนมัติ ทั้งนี้ (ย้ำ) ทั้งนี้ นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณพรหมวังโสไม่สามารถจะใช้พัดยศพระราชาคณะ และไม่สามารถจะใช้ราชทินนามว่า "พระวิสุทธิสังวรเถร" ได้อีกต่อไป หากมีการใช้และมีผู้พบเห็น ก็สามารถจะแจ้งความดำเนินคดีกับคุณพรหมวังโสได้ว่า แอบอ้างเป็นพระราชาคณะ และอาจจะเข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพพระมหากษัตริย์ไทยด้วย ดับเบิ้ลคดีทีเดียวเชียวล่ะครับ

อธิบายให้ครอบคลุมนะ ใช่แค่ว่าคุณพรหมวังโสจะใช้ยศพระราชาคณะที่ "พระวิสุทธิสังวรเถร" ไม่ได้อีกต่อไปเท่านั้น หากแต่การนุ่งห่มแบบพระสงฆ์ไทยก็ดี หรือวัตรปฏิบัติแบบพระไทยเราก็ดี การใช้ชื่อแบบพระไทยก็ดี ก็ไม่มีสิทธิ์ใช้ ถ้าใช้ในเมืองนอกก็อาจจะรอดตัวไป เพราะกฎหมายไทยเอื้อมไปไม่ถึง แต่ถ้าหากนุ่งเหลืองห่มเหลืองเข้าเมืองไทยเมื่อใด ก็จะถูกจับกุมเมื่อนั้น

ดังนั้น นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป มหาเถรสมาคมก็ไม่ต้องทำอะไรกับพระวิสุทธิสังวรเถร เพียงแต่ต้องทำการ "ถอดยศ" อย่างเป็นทางการ คือการปลดสมณศักดิ์ที่ "พระวิสุทธิสังวรเถร" ออกจากทำเนียบพระราชาคณะ ให้ว่างไว้ ทั้งนี้เพราะพระภิกษุผู้ครองสมณศักดิ์ในราชทินนามนี้ได้พ้นจากความเป็นพระสงฆ์ไทยไปแล้ว มติที่ประชุมคณะสงฆ์วัดหนองป่าพงก็ดี มติมหาเถรสมาคมก็ดี สองมตินี้ก็เพียงพอแล้วต่อการดำเนินการ "สละสมณเพศ" ของพระวิสุทธิสังวรเถร หรือพระพรหมวังโส รวมทั้งพระสงฆ์ในวัดโพธิญาณ ทั้งสิ้น

เห็นไหมว่า เมื่อคุณพรหมวังโสและอดีตพระสงฆ์ในวัดโพธิญาณ ปฏิญาณว่าไม่ขึ้นต่อกฎหมายคณะสงฆ์ไทย ก็จึงส่งผลให้คุณพรหมวังโสขาดจากความเป็นพระ รวมทั้งพระสงฆ์ในวัดโพธิญาณทุกรูปก็ตกอยู่ในสถานะเดียวกันด้วย โดยไม่มีทางเลี่ยง

 

อ้าว หมดคำถามแล้วเหรอ

   


พระมหานรินทร์ นรินฺโท
วัดไทย ลาสเวกัส รัฐเนวาด้า สหรัฐอเมริกา
21
ธันวาคม 2552
9
:00 P.M. Pacific Time.

 

 

 
E-Mail ถึง บก.
peesang2003@hotmail.com

All Right Reserved @ 2003
This Website Sponsored by

 

alittlebuddha.com  วัดไทย ลาสเวกัส 2920 McLeod Dr. Las Vegas Nevada 89121 USA (702) 384-2264