พระพรหมวํโส
โมฆบุรุษ

ไม่น่าเชื่อว่า
โลกหมุนไปไม่ถึงรอบ
ก็เกิดเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์คณะสงฆ์ไทยขึ้นมาจนได้
นั่นคือกรณีที่พระสงฆ์วัดโพธิญาณ เมืองเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย
ถูกสมัชชาสงฆ์วัดหนองป่าพง ซึ่งมีสาขาอยู่ทั่วโลก
ขับไล่ออกจากคณะ (อเปหิ)
ไปในวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ.2552 และรับรองโดยมหาเถรสมาคม
ในการประชุมครั้งที่ 26/2552 วันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ.2552
ประชุมที่หอประชุมสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ พุทธมณฑล มี
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (อุปเสณมหาเถร)
เป็นประธานการประชุม
มีเงื่อนงำและเหตุการณ์หลากหลายเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ถ้าจะเขียนจริงๆ
ก็คงเป็นหนังเรื่องยาวระดับมหากาพย์เลยเชียวล่ะ แต่วันนี้มีเวลาน้อย
จะขอพูดถึงเฉพาะประเด็นสำคัญเกี่ยวกับพระธรรมวินัยที่พระพรหมวังโส
หัวหน้าสงฆ์วัดโพธิญาณ
อ้างอิงเป็นความชอบธรรมนำไปใช้บวช
สตรีให้เป็นพระภิกษุณีที่วัดของตนเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม แม้ไม่อยากจะพูดมากเขียนมาก
แต่ก็ต้องขอเขียนเรียนต่อท่านผู้อ่านนิดหนึ่ง
โดยเฉพาะท่านสุภาพสตรีซึ่งตกเป็นจำเลยในคดีนี้ด้วย
คือถ้าอ่านเพียงผิวเผินแล้ว ท่านสุภาพสตรีทั่วไปก็อาจจะเข้าใจว่า
"พระสงฆ์ไทยแอนตี้สตรีไม่ยอมให้บวชเป็นภิกษุณี"
ซึ่งเรื่องนี้ผู้เขียนเคยเขียนไว้นานแล้ว
@ อ่านเรื่อง ภิกษุณี ข้อเขียนของพระมหานรินทร์
ขออธิบายให้ทราบอีกนิดว่า พระสงฆ์ไทยเรานั้น โดยเฉพาะ
พระวัดไทย ลาสเวกัส
มีความยินดีและเต็มใจอย่างยิ่งที่จะบวชให้แก่สตรีเพศได้เป็นพระภิกษุณี
แต่มีปัญหาว่าบวชให้ไม่ได้ เพราะพระวินัยบังคับไว้ว่า
"สตรีที่จะบวชเป็นพระภิกษุณีนั้น ต้องผ่านการบวชจากภิกษุณีสงฆ์ก่อน
และต้องไดรับการรับรองจากภิกษุสงฆ์อีกรอบหนึ่ง
จึงจะถือว่าเป็นภิกษุณีที่สมบูรณ์"
ตามข้อความเบื้องต้นนั้น พระสงฆ์ผู้ชายนั้นมีพร้อมแล้วที่จะรับรอง
แต่พระสงฆ์ภิกษุณีที่จะบวชให้นั้นยังไม่มี เพราะขาดหายไปเฉยๆ
เมื่อพันกว่าปีก่อน ไม่รู้ว่าสาเหตุอันใด
ในประเทศไทยเรานั้นนับตั้งแต่สมัยหริภุญชัยเป็นต้นมา นับได้พันกว่าปี
ก็ยังไม่เคยมีประวัติว่าเคยมีพระภิกษุณีมาก่อน ทีนี้เมื่อไม่มีภิกษุณีสงฆ์
แต่จะให้พระสงฆ์ไทย (พระผู้ชาย) เปิดโบสถ์บวชให้แก่สตรีเพศเลยนั้น ทำไม่ได้
เพราะผิดขั้นตอนพระวินัย เข้าใจหรือยัง
มีบางคนต่อรองว่า
"เอางี้ได้ไหม
ไปขอพระภิกษุณีจากประเทศไต้หวันบ้าง ญี่ปุ่นบ้าง หรือประเทศอื่นที่เขามี
เอามาเป็นภิกษุณีสงฆ์ แล้วให้คณะสงฆ์ไทยรับรอง ก็จะได้พระภิกษุณีเต็มขั้น
คือผ่านการบวชจากสงฆ์สองฝ่ายตามพระวินัย"
ข้อนี้ถ้าดูให้ง่ายก็คงง่าย แต่ว่าไม่ง่ายอย่างนั้นนะสิ
เพราะการที่คณะสงฆ์จะบวชให้แก่ใครนั้น
ต้องใช้พระสงฆ์ที่อยู่ในสังกัดหรือนิกายเดียวกันเท่านั้น
จึงจะถือว่าถูกต้องตามพระวินัย หมายถึงว่า
ถ้าหากใช้พระภิกษุหรือภิกษุณีในนิกายอื่นมาร่วมสังฆกรรมด้วย สังฆกรรมนั้นก็ทำไม่ขึ้น
คือเป็นโมฆะ แม้ว่าจะสวดนานเป็นปีก็ไม่มีผล (ภิกษุณีในประเทศไต้หวันก็ดี
ญี่ปุ่นก็ดี เป็นคนละนิกายกับพระสงฆ์ไทย จึงร่วมสังฆกรรมกันไม่ได้)
นี่ไงเห็นไหม ที่
พระเดชพระคุณพรหมคุณาภรณ์ (ประยุทธ ปยุตฺโต ป.ธ.9)
ท่านกล่าวว่า


คำแปลบางส่วนจากที่ป้ายด้วยปากกาแดงได้ข้อความดังนี้

|