|
อาหารเช้าและเพลในแบโร่ว์
"สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺฐิติกา สัตว์ทั้งปวงดำรงชีพอยู่ได้ด้วยอาหาร" สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงพระสัจธรรมไว้เช่นนี้
สำหรับผู้เขียน เมื่อตื่นนอนตอนตี 4 แล้ว ก็นั่งสมาธิอยู่ครู่ใหญ่ๆ พิจารณาถึงตัวเอง สถานที่พัก และจุดมุ่งหมายหลายอย่างในชีวิต กว่าจะเดินทางมาถึงตรงนี้ ที่ขั้วโลกเหนือ ครั้นได้เวลา 6 โมงเช้าแล้ว ก็ได้ยินเสียงแขกจากห้องพักอื่นๆ เดินผ่านหน้าห้องของเราไป แสดงว่าห้องอาหารคงจะเริ่มเปิดบริการแล้ว เพราะเมื่อวานถามเจ้าของห้องพัก เขาบอกว่า "อาหารเช้าเริ่มเสิร์ฟ 6 โมงเช้า ไปจนถึง 9 โมง"
ผู้เขียนจึงรออยู่อีกเกือบชั่วโมง ให้เสียงผู้คนซาลงเสียก่อน จึงครองผ้าออกไปยังห้องอาหาร ซึ่งเจ้าของที่พัก เป็นแม่บ้าน นามว่า "Susan" ก็ทักทายปราศรัยอย่างเป็นกันเอง เห็นว่าบรรดาโต๊ะต่างๆ นั้นว่างหมด แสดงว่าคนกลุ่มแรกที่ออกมาเมื่อเกือบชั่วโมงก่อนหน้านั้น เขาทานเสร็จกันหมดแล้ว เหลือแต่เรา คุณซูซานบอกว่า เชิญนั่งตรงไหนก็ได้ ผู้เขียนเลยเลือกหัวโต๊ะ เพราะเห็นหมีขาวหมอบอยู่ตรงนั้นแล้วสวยดี
First Breakfast in Barrow
อาหารเช้า "มื้อแรก" ของผู้เขียนในแบโร่ว์ ก็คือ ขนมปังก้อนที่เรียกว่า บิสกิต (Biscuit) คล้ายกับที่ขายในร้านไก่ทอด KFC นั่นแหละ เขาปิ้งจนสุกหอมผ่าครึ่ง ราดด้วยเนื้อผัดซอสคล้ายน้ำเกรฟวี่ (Gravy) สีเทาๆ รสชาติก็ออกจะจืดนิดๆ แต่ทานกับกาแฟได้รสชาติไม่เลว มีไข่เจียวแบบอเมริกันอีกชิ้นใหญ่วางบนขนมปังผ่าซีกนั้น
ส่วนเครื่องดื่มนั้นเขามีให้เลือกอย่างหลากหลาย ทั้งน้ำชา กาแฟ ช็อคโกแล็ต ชอบแบบไหนก็ตามสบาย และดื่มได้ไม่อั้น ดื่มได้ทั้งวัน ถ้าหากไหว ก็ถือว่าโอเคนะ บริการระดับนี้ เขาบริการและพูดคุยเป็นกันเอง เหมือนเพื่อนฝูงมาพักที่บ้านยังงั้นแหละ
แต่ผู้เขียนก็คาดการณ์ว่า คงจะฉันมากไม่ได้ แม้ว่าเมื่อวานแทบจะอดอาหารตั้งแต่เช้า ได้ขนมปังที่สนามบินแอลเอก่อนขึ้นเครื่องเพียงก้อนเดียว กับกาแฟสตาบัคส์แก้วหนึ่ง มาถึงแองคอเร็จก็ได้ไก่ทอดจากร้านแม็คโดนัลอีกกล่องเล็กๆ เพราะระมัดระวังตลอดเวลาเดินทาง จะไม่ทานมาก จะไม่ดื่มมาก จะไม่ทานอาหารเผ็ดจัด หรือที่เห็นว่าจะแสลงต่อท้องไส้ กลัวจะลำบากเรื่องห้องน้ำห้องท่า
แต่ที่ว่าเกรงจะฉันมากไม่ได้นั้น ก็เพราะมองเห็นว่า ถ้าฉันเช้าเยอะ ประเดี๋ยวไปฉันเพลที่บ้านของชาวไทยในแบโร่ว์ ซึ่งคาดว่าน่าจะมากันเยอะพอประมาณ อาหารคงจะเยอะตามไปด้วย ก็คงต้องฉลองศรัทธาให้สมกับที่เดินทางมา ดังนั้น จึงฉันเช้าเยอะไม่ได้ ถ้าเช้าเยอะ เพลจะน้อย แต่ถ้าเช้าน้อย เพลจะฉันได้เยอะ
สรุปว่า อาหารเช้ามื้อแรกของผู้เขียนในแบโร่ว์ ก็สมบูรณ์แบบทุกประการ ไม่ต่างจากแอลเอ-เวกัสเท่าไหร่เลย ยังนึกในใจว่า รู้งี้มาตั้งนานแล้ว
และสิ่งที่คาดไว้ก็เป็นจริงอีก เมื่ออาจารย์สนองไปรับและพามายังบ้านหลังเดิม (เลขที่ 463) ปรากฏว่ายังมิทันจะได้ย่างเท้าเข้าไปภายในบ้าน ก็ได้ยินเสียงคนคุยกันลั่นไปหมด เหมือนมีงานปอยหลวงในเมืองเชียงใหม่อย่างนั้นแหละ แต่ละคนเมื่อเห็นพระก็กุลีกุจอนิมนต์ไปนั่งบนโซฟาตัวยาว พาลูกหลานญาติพี่น้องเข้ามากราบ ด้านหัวโต๊ะนั้นตั้งโต๊ะหมู่บูชาเอาไว้ มีพระพุทธรูปปางญี่ปุ่นประดิษฐานอยู่ ใช้ถ้วยเซรามิกเป็นเชิงเทียน และจอกพลาสติกสีน้ำเงินเป็นกระถางธูป ใส่ข้าวสารและปักธูปไว้ตรงกลางอย่างง่ายๆ ยังนึกเสียดายไม่ได้นำพระประธานมาให้ เพื่อเป็นที่พึ่งทางใจของคนไทยไกลบ้าน
ศาสนพิธีครั้งใหญ่ของชาวไทยในแบโร่ว์
แนะนำตัวกันทั้งคนหน้าเก่าหน้าใหม่ได้สักพัก ก็เกือบจะ 11 โมง ทางโฆษกเสียงทองจึงประกาศ "เชิญทุกท่านร่วมพิธีถวายเพล" เริ่มต้นด้วยการจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ไหว้พระ รับศีล จากนั้นจึงกล่าวคำถวายภัตตาหารเพล ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีมัคคทายกคอยนำ เพราะแต่ละท่านก็ระดับมหาบัณฑิต-ดุษฎีบัณฑิต อยู่ในวัดก็ระดับเจ้าอาวาสหรือรุ่นพี่ของเจ้าอาวาส เพียงแต่ลาเพศออกไปเท่านั้น ดังนั้น เสียงสวดมนต์ รับศีล และถวายภัตตาหารเพลในวันนั้นจึงดังกระหึ่มเมืองแบโร่ว์
หลายท่านยอมทิ้งงานมาร่วมถวายเพลพระครั้งนี้
อิมานิ มะยัง ภันเต ภัตตานิ สะปริวารานิ ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุ โน ภันเต ฯลฯ อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ ฯ
ถามว่า ไปทำงานหรือเปล่า ? ก็ตอบว่า ปกติก็ทำครับ แต่วันนี้หยุด เพราะอยากจะมาทำบุญ แบบว่าเงินน่ะหาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่บุญหายากกว่า นานหลายปีกว่าจะมีพิธีทำบุญในเมืองแบโร่ว์ พวกเราเหมือนคนไกลวัด มัวแต่ทำมาหากิน ฯลฯ อืม ! ฟังแล้วก็ชื่นใจ
ดูสิ อาหารหวานคาวเต็มโต๊ะ
ทั้งคุณแม่คุณพ่อ ต่างหอบลูกจูงหลานมางานบุญ อาจารย์เดโชถูกเพื่อนๆ สั่งให้โชว์ฝีมือ ทำอาหารหม้อใหญ่ "เลี้ยงคนทั้งเมือง" ทั้งอาจารย์สนอง อาจารย์วีรยุทธ อาจารย์สายชล อาจารย์สันติภาพ ฯลฯ อาจารย์ตี๋น้อย หรืออดีตพระมหาศรีเมฆ วชิรเมธี คนดังแห่งวัดทุ่งสาธิต พระโขนง ก็ยอมสละเวลามาถวายเพลใหญ่ในครั้งนี้
ส่วนหนึ่งของเมนูอาหารเท่าที่จับภาพได้ ภาพขวาบนนั้นคือ ผัดกะเพราไก่ สูตรแบโร่ว์ นอกนั้นมีทั้งต้มยำทำแกง และไม่น่าเชื่อว่า น้ำจิ้มและน้ำพริก (ของใครไม่ทราบ) ที่เมืองแบโร่ว์นั้น แซ่บมาก อร่อยจนไม่อยากกลับที่พัก
King Crab ราชาปู-อลาสก้า มาไม่ถึง ถ้า..ไม่ได้ชิม
สังเกตให้ดี มีทั้งข้าวเหนียวข้าวจ้าว ชาวแบโร่ว์น้อมถวายด้วยศรัทธา นานทีปีหน จะมีพระมาโปรดถึงขั้วโลกเหนือ หาดูหมีขาวได้ง่ายกว่าพระว่างั้น ยังมิทันถวายอาหารเสร็จ ก็เรียกกันให้ถวายซองพระอีกแล้ว อิ่มทั้งกายอิ่มทั้งใจจริงๆ
ผลไม้มีทั้งองุ่น สตรอบอรี่ สับปะรด และแตงโม แต่ละอย่างก็แพงเหมือนทองคำ วันนี้พี่ทิดทั้งหลายชาวแบโร่ว์ ยินยอมพร้อมใจกันไปตลาด จัดภัตตาหารสำรับใหญ่ถวายพระ
รับประเคน
กระติบข้าวเหนียวแห่งแบโร่ว์ (ภาพนี้ต้องขยาย)
ฉันเพลเสร็จ ก็เป็นรายการเลี้ยงแขก อาหารไทยบัฟเฟ่ต์ เสร็จคาวแล้วก็เอาผลไม้มานั่งทานคุยเล่นเป็นเพื่อนพระ แบบสบายๆ เพราะคนกันเองทั้งนั้น
พูดถึงเซ็นต์หลุยส์แล้ว อาจารย์เหวยหัวเราะลั่น โหด มัน ฮา แม้ว่าจะเป็นอดีต แต่มันลืมไม่ลง ยิ่งอาจารย์สุเทียนแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นเจ้าพ่ออยู่ชิคาโก้กับแบโร่ว์ ที่ไหนโก้กว่ากัน ฯลฯ
พอเสร็จจากเพลมื้อแรกนั้น ราวบ่ายสองโมง ทางคณะบัณฑิตแห่งแบโร่ว์ก็จัดคิว "ให้พระมหานรินทร์ชมเมือง" อยากไปไหนได้ทุกที่ มีบัตรผ่านตลอด เพราะแท๊กซี่เมืองนี้ เป็นของคนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ อาจารย์สังวาลย์ เจ้าของอู่แท๊กซี่ สั่งเฉียบขาด ยังไม่ทิ้งมาดเจ้าอาวาสวัดธรรมภาวนาเลย |
พระมหานรินทร์ นรินฺโท 3 กันยายน 2562 |
ALITTLEBUDDHA.COM WAT THAI LAS VEGAS 2920 MCLEOD DR. LAS VEGAS NV 89121 U.S.A. 702-384-2264