โอละพ่อ !
พระปัญญา สีสัน ม.112
ต้องคดีลี้ภัยเมืองนอก
สังกัด วัดญาณสังวราราม นิกายธรรมยุต
ใช่ธรรมยุตธรรมดา
แต่ว่าเป็นพระอารามหลวงประจำรัชกาลที่ 9
สร้างโดยสมเด็จพระญาณสังวร อดีตพระสังฆราช
กรรมการกิตติมศักดิ์ในรั้วในวังเพียบ
มิน่า ถึงมีแต่คนใส่เกียร์ว่าง เพราะข้างในวังเป็นเอง
คณะกรรมการบริหารวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร
คณะกรรมการที่ปรึกษาและบริหารวัดญาณสังวราราม
คณะกรรมการบริหารฝ่ายคฤหัสถ์และที่ปรึกษา
อา..หายสงสัยเป็นปลิดทิ้ง หลังจากก่อนหน้านี้ มีข่าวว่า "พระปัญญา สีสัน" ซึ่งถูกทางการดำเนินคดีอาญาตามมาตรา 112 ต้องระเหเร่ร่อนหนีออกนอกประเทศ และมีผู้ประกาศ "หาเงินช่วยเหลือให้ลี้ภัย" รวมทั้งจะสร้างวัดใหม่ในต่างประเทศ อีกด้วย โดยข่าวทุกข่าวจะระบุเพียงแต่ว่า พระปัญญา สีสัน "เคยประจำอยู่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี" เท่านั้น ไม่ยอมบอกว่าวัดไหน สังกัดอะไร แม้แต่ใน "หมายเรียก" ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็มีการ "ป้ายดำ" ปกปิดต้นสังกัดเอาไว้มิดชิด จะว่าเป็นความลับของราชการก็ใช่ที่ แต่น่าจะมีเหตุผลสำคัญมากกว่านั้น ว่าทำไมจึงเปิดเผยไม่ได้ ขณะที่พระเณรรูปอื่นๆ ที่ไปร่วมม็อบนั้น ถูกเปิดโปงต้นสังกัดหมดเปลือก
แต่แล้ว วันนี้ เว็บไซต์ผู้จัดการ "ก็เผลอหลุด" ระบุต้นสังกัดของพระปัญญาว่า คือ "วัดญาณสังวราราม" อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นวัดธรรมยุต วัดแห่งนี้มีสถานะพิเศษสุดในประเทศไทย คือเป็นวัดที่ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 19 ทรงโปรดให้สร้าง และมุ่งหมายจะให้เป็น "วัดประจำรัชกาลที่ 9" อีกต่างหาก วัดแห่งนี้มีชื่อเต็มๆ ว่า วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร ได้ยินชื่อแล้วก็หนาวจับใจ ที่หนาวนั้นก็ดังที่เห็น คือว่า วัดแห่งนี้ มีประวัติการสร้างและการปกครอง "พิเศษสุด" ในประเทศไทย เป็นพระอารามหลวงประจำรัชกาลที่ 9 ซึ่งอยู่นอกกรุงเทพมหานคร จึงตั้งกรรมการที่ปรึกษาและบริหาร ระดับสูงสุดของประเทศ ในอดีตก็มีสมเด็จญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ทรงเป็นประธาน แต่ปัจจุบันก็ยังมี "สมเด็จพระวันรัต" เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร วัดหลักของคณะธรรมยุต เป็นประธานกรรมการบริหาร พร้อมด้วยสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (สุชิน) เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช วัดราชบพิธ และสมเด็จพระธีรญาณมุนี (สมชาย) วัดเทพศิรินทราวาส และกรรมการมหาเถรสมาคม แถมด้วยพระผู้ใหญ่ทั้งใน มส. และเจ้าคณะจังหวัดชลบุรี (ธรรมยุต) อีกมากมาย
คณะกรรมการบริหารฝ่ายฆราวาสนั้น มีนายบัณฑูร ล่ำซำ นำขบวน ซึ่งนายบัณฑูรนั้น ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการผู้จัดการมูลนิธิมหามกุฎราชวิทยาลัย ของวัดบวรนิเวศวิหารและคณะธรรมยุต ซึ่งมีทรัพย์สินมากที่สุดในบรรดามูลนิธิของประเทศไทย และไวยาวัจกร วัดบวรนิเวศวิหาร ควบตำแหน่งไวยาวัจกร วัดญาณสังวราราม แห่งนี้ ชี้ให้เห็นว่า วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร เป็นสมบัติของคณะธรรมยุต หรือสาขาของวัดบวรนิเวศวิหาร จึงมีการใช้ "ไวยาวัจกร" คนเดียวกัน และเมื่อเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหารรูปปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะใหญ่ธรรมยุต ก็สูงสุดแล้วสำหรับตำแหน่งทางการปกครองของคณะสงฆ์ไทย สถานะของวัดญาณสังวรารามยิ่งใหญ่เพียงใดคงไม่ต้องบอก แต่เพื่อให้สมยศสมเกียรติ จึงมีการดึงเอา "ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ" เข้าไปเป็นกรรมการบริหารวัดด้วย ปัจจุบันคือ นายณรงค์ ทรงอารมณ์
นั่นก็ถือว่าสุดยอดระดับ "ดรีมทีม" แล้ว แต่ยังไม่ท็อปสุด เพราะในคณะกรรมการที่ปรึกษานั้น อลังการงานสร้างยิ่งกว่า คือว่า มีการเชิญผู้ทรงคุณวุฒิระดับสูงสุดของประเทศไทยมาเป็นกรรมการที่ปรึกษาวัดญาณสังวรารามแห่งนี้ด้วย ได้แก่
1. ท่านจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตผู้จัดการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และปัจจุบันดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักพระราชวัง
2. ท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ อดีตรองราชเลขาธิการในรัชกาลที่ 9 ปัจจุบันเป็น ประจำสำนักพระราชวังพิเศษ
3. ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ซึ่งเป็นมูลนิธิของในหลวง ร.9
4. นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี ฯลฯ
ทั้งสิ้นทั้งปวงเหล่านี้ ส่งผลให้ "วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร" เป็นพระอารามหลวง "อันดับหนึ่ง" ของประเทศไทย ดูได้จากคณะกรรมการอันสูงส่งและสูงสุดกว่าคณะรัฐมนตรีด้วยซ้ำไป ทั้งยศ ทรัพย์ และอำนาจ รวมกันอยู่ที่นี่ที่เดียว
แต่เหตุไฉน จึงเกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นได้ว่า พระปัญญา สีสัน พระเด็กๆ พระเล็กๆ จากวัดใหญ่ที่สุดของประเทศไทยภายใต้พระบรมราชูปถัมภ์แห่งนี้ ได้กลายเป็นผู้ต้องหาคดี "หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ" ที่เรียกว่า มาตรา 112 ซึ่งระบุว่า "ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จ ราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีถึง 15 ปี"
ก็แน่นอนว่า เมื่อวัดญาณสังวราราม เป็นวัดเดียวกับวัดบวรนิเวศวิหาร จึงมีเจ้าอาวาสคือ สมเด็จพระวันรัต ซึ่งดำรงตำแหน่งเจ้าคณะใหญ่ธรรมยุต อีกต่างหากด้วย และโดยองค์ประกอบที่นำเสนอมา ก็เห็นว่า มีคณะกรรมการผู้หลักผู้ใหญ่ในรั้วในวังช่วยกันกำกับดูแลพระอารามหลวงแห่งนี้ พระภิกษุสามเณรในวัดแห่งนี้ จึงควรต้องมีความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในสถาบันพระมหากษัตริย์ "มากกว่าทุกวัด" ในประเทศไทย ด้วยซ้ำไป
แต่เหตุไฉน พระปัญญา สีสัน จึงกลายเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา มาตรา 112 นอกคอกไม่พอ ยังแหกคอกหนีออกนอกประเทศ ประกาศจะไปสร้างวัดใหม่ ไม่เอากับวัดเก่า คือวัดญาณสังวราราม อีกต่อไปแล้ว
ไอ้การจะโทษเด็กว่าก้าวร้าวรุนแรงน่ะ พอจะพูดได้อยู่ดอก แต่มันไม่เต็มปากเต็มคำ เพราะคนไทยโบราณท่านสอนว่า "ดูวัวให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ ดูแน่แท้ให้ดูถึงตายาย" ก็หมายถึงว่า การที่คนๆ หนึ่งจะมีนิสัยใจคอเช่นใดนั้น มีกระบวนการก่อร่างสร้างตัว อบรมบ่มนิสัย มิได้สำเร็จรูปภายในวันเดียว ท่านจึงให้ดูถึงพ่อแม่และตายาย
ถามว่า พ่อแม่ในผ้าเหลืองของปัญญาคือใคร ใครคืออุปัชฌาย์อาจารย์และเจ้าอาวาสต้นสังกัด
ชี้เป้าได้เลยว่า การจะลงโทษพระปัญญาในข้อหา ม.112 เพียงคนเดียว คงไม่เพียงพอ แต่คงต้องมีการตั้งกรรมการสอบสวนผู้ปกครอง คือ เจ้าอาวาสวัดญาณสังวราราม ซึ่งก็คือเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร (สมเด็จจุณฑ์) ว่าบริหารปกครองวัดวาอารามอย่างไร ทำไมพระในสังกัดธรรมยุตอันก่อตั้งโดย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ถึงได้ทรยศต่อสถาบันทั้งศาสนาและพระมหากษัตริย์
เพราะที่มันทำใจลำบากก็คือ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร รูปแรก ก่อนจะทรงปริวรรตขึ้นครองราชย์ พระมหากษัตริย์ในรัชกาลหลัง ทั้ง ร.5 ร.9 ร.10 จึงทรงผนวชและประทับ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร แห่งนี้ วัดที่มีทายาทแหกคอกหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และหนีออกนอกประเทศไปในเวลานี้นี่แหละ เจ็บปวดไหมล่ะครับท่านสมเด็จจุณฑ์ ดูแลกันยังไง ขอถาม
เราเลื่อมใสในนิกายธรรมยุต
เพราะธรรมยุตคือนิกายเจ้า ก่อตั้งโดยเจ้า เพื่อเจ้า เหมือนประชาธิปไตย โดยประชาชน เพื่อประชาชน
สมเด็จพระวันรัต เจ้าคณะใหญ่ธรรมยุต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ประธานกรรมการบริหารวัดญาณสังวรารามราชวรมหาวิหาร
ข้อกล่าวหาของเว็บไซต์ "ผู้จัดการ" ที่ว่า "พระผู้ใหญ่เกียร์ว่าง" นั้น คงมีหลายเกียร์ แต่เกียร์ใหญ่ที่สุดก็คงต้องเป็นเกียร์ของคณะธรรมยุต อันถือหางเรือโดย สมเด็จพระวันรัต วัดบวรนิเวศวิหาร และทีมพระมหาเถระในฝ่ายธรรมยุตทั้งหมด ที่ปล่อยเกียร์ว่างจนพระปัญญามีแนวคิดสุดโต่งสร้างปัญหาจนยากจะเยียวยา แถมยังหลุดหนีออกนอกประเทศไปได้ มันต้องมีใครรับผิดชอบบ้าง จะลอยหน้าลอยตาเข้าวังไปรับพระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์จากในหลวงได้อีกหรือ ?
คณะกรรมการบริหารวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร คงต้องรีบประชุมกันด่วน เพื่อพิจารณาเรื่องพระปัญญา สีสัน ซึ่งยังไม่หยุด ยังคงเดินหน้าสร้างวัดใหม่ในต่างประเทศ และแน่นอนว่าคงไม่หยุดวิพากษ์วิจารณ์สถาบันสงฆ์และพระมหากษัตริย์
ถึงจะหาผู้รับผิดชอบไม่ได้ แต่ขอแพะบูชายัญสักตัวก็ยังดี นะขอรับ ท่านสมเด็จจุณฑ์ ท่านสมเด็จชิน และท่านสมเด็จสมชาย สามทหารเสือธรรมยุต อย่าให้ผู้จัดการเขาผิดหวังล่ะว่า สู้อุตส่าห์เลื่อมในศรัทธาในวัดบวรนิเวศวิหารอย่างสูงสุด แต่สุดท้าย ผู้ที่ทำร้ายสถาบันกลับกลายเป็นคนในวัดบวรนิเวศวิหารอันเป็นวัดหลักของธรรมยุต แห่งนี้นี่เอง ใช่ไม่ใช่ ?
หรือจะเป็นดังโบราณว่า สนิมเกิดแต่เนื้อ ในตน ฯลฯ
ณรงค์ ทรงอารมณ์
ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กรรมการบริหารวัดญาณสังวรารามราชวรมหาวิหาร
ลาสิกขา VS ลาออก
เอ้า ! ลืมไป ณรงค์ ทรงอารมณ์ ผอ.พศ. ดูแลวัดญาณสังวรารามยังไง ปล่อยให้พระในวัดไปหมิ่นเจ้าฟ้ามหากษัตริย์ต้องคดีแถมหนีไป จะรับผิดชอบยังไง ในฐานะกรรมการวัด วันก่อนเห็นออกมาไล่พระเณรที่ไปร่วมม็อบว่า "ไม่ได้มีใครบังคับให้บวช หากทำตามกฎไม่ได้ก็ง่ายๆ แค่..ลาสิกขา" วันนี้ มีปัญหาในวัดของณรงค์ ก็อยากจะบอกว่า "คงไม่มีใครบังคับให้เป็น ผอ.พศ. ถ้าเป็นแล้วบริหารงานไม่ได้ ก็ง่ายๆ แค่..ลาออก"
ที่แท้ "พระลี้ภัย" นิยมอนาคตใหม่ รอบนี้พระผู้ใหญ่ "เกียร์ว่าง"
พบ พระปัญญา สีสัน ที่ขอลี้ภัย
หนุนกิจกรรมอนาคตใหม่มาตลอด โพสต์ข้อความหมิ่นเหม่จนถูกดำเนินคดี โบว์-ณัฏฐา
โดดช่วยอาสารับบริจาค ปลายทางยุโรป คนวงการสงฆ์ชี้รอบนี้มีพระผู้ใหญ่
"เกียร์ว่าง" เหตุไม่ชอบรัฐบาลประยุทธ์เป็นทุนเดิม หลัง "สมเด็จช่วง"
ไม่ได้ขึ้นสังฆราช จนพระ-เณรร่วมม็อบ สะท้อนปัญหาวงการสงฆ์
ส่วนพระลี้ภัยเอาตัวรอดคนเดียว ที่เหลือถูกเจ้าอาวาสเรียกตัวกลับ
2. ให้สมเด็จพระพุฒาจารย์
เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร ประธานกรรมการฝ่ายการปกครองสงฆ์
วางแนวทางการป้องกันการชุมนุมของพระภิกษุสามเณร
เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาในระยะยาว
พระปัญญา สีสัน ลี้ภัย
หลังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ออกแนวทางดังกล่าวมา
แต่ยังพบว่ามีผู้ที่แต่งกายเป็นพระเข้าร่วมชุมนุมซึ่งบางส่วนเป็นพระปลอมที่สวมชุดพระมาร่วมชุมนุม
พระปัญญา สีสัน จากวัดญาณสังวราราม จังหวัดชลบุรี
ได้ออกมาโพสต์ข้อความว่า
"ตั้งแต่วันแรกๆ ที่อาตมาถูกยัด 112 จำแลง ด้วย
พ.ร.บ.คอมพ์ (5 ปี × 6 = 30
ปี) อาตมาปรึกษากับทุกๆ คนที่อาตมาคิดว่า
ท่านเหล่านั้นน่าจะให้คำปรึกษาแก่อาตมาได้ กับ ส.ส.ก็คุยหลายท่าน
กับครูบาอาจารย์มหาวิทยาลัยก็คุยหลายท่าน
กับนักเคลื่อนไหวทางการเมืองก็คุยหลายท่าน
กับผู้ลี้ภัยทางการเมืองก็คุยหลายท่าน
เมื่ออาตมามีความพร้อมระดับหนึ่ง ที่จะบอกสังคมว่า
อาตมาถูกระบบรัฐราชการรวมศูนย์กลั่นแกล้งรังแก อาตมาก็ลงข้อมูลในเฟซตัวเอง
ฝากโพสต์ไปทางกลุ่มต่างๆ แอดมินที่อยากช่วย เขาก็อนุมัติโพสต์ให้รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส-ตลาดหลวง
ก็ลงให้ตั้ง 3
โพสต์ ทั้งพระและโยมก็เมตตาช่วยกดไลก์ กดแชร์ ช่วยให้ความเห็น
สำนักข่าวก็เมตตาเขียนข่าวให้
อาตมาจึงไม่เคยอินบอกซ์ไปบอกใครๆ ว่า อาตมาต้องการจตุปัจจัย อย่างนั้นอย่างนี้ เท่านั้นเท่านี้ เว้นไว้แต่โยมที่ปวารณาให้อาตมาเอ่ยปากขอได้ อาตมาจึงจะขอ
ครูโบว์ทราบเรื่อง และเห็นเอกสารด้านคดีความของอาตมามาตั้งแต่ต้น แล้วครูโบว์ได้เอ่ยวาจาให้ความช่วยเหลือทางการเงินกับอาตมา ตั้งแต่วันแรกที่ครูโบว์ทราบข่าวอีกด้วย
อาตมาขออนุโมทนาบุญกับญาติโยมทุกๆ ทุกท่านที่ร่วมกันกระทำจาคะมา ณ โอกาสนี้"
โบว์-อยากเลือกตั้ง โดดช่วย
"มีเรื่องด่วนอยากขอความช่วยเหลือจากทุกคน โบว์ทราบข้อเท็จจริงเรื่องนี้แต่ต้น
ได้พิจารณาแล้วว่านี่คือสิ่งที่ถูกต้องที่จะทำ และจะเป็นประโยชน์ต่อไป
พระสงฆ์รุ่นใหม่ที่มีการศึกษาและวัตรปฏิบัติชอบรูปหนึ่ง
กำลังอยู่ระหว่างทางของการลี้ภัย
เพื่อไปตั้งสำนักสงฆ์ในประเทศหนึ่งทางยุโรป ท่านถูกตั้งข้อหาตาม
พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่ถูกทางการนำมาใช้แทน ม.112
หลายท่านคงทราบข่าว เราได้เห็นข้อความเหล่านั้น
และหมายเรียกแล้วและมั่นใจว่าไม่ได้เข้าองค์ประกอบความผิด
การที่พระออกมาร่วมชุมนุม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะภายใต้กฎระเบียบปกครองสงฆ์ก็มีปัญหาอยู่ในระดับหนึ่ง พระรุ่นใหม่ก็ไม่ต่างจากฆราวาสรุ่นใหม่ ที่แสดงความคิดเห็นตามสภาพปัญหา ขึ้นอยู่กับแต่ละรูปว่าจะแสดงออกอย่างไร กรณีของพระที่ประกาศขอความช่วยเหลือเพื่อลี้ภัยนั้น ท่านใกล้ชิดกับนักการเมืองกลุ่มอนาคตใหม่ เห็นได้จากงานเปิดตัวผู้สมัครสมาชิกพรรคอนาคตใหม่เมื่อ 6 ตุลาคม 2561 พระปัญญา ได้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนั้นและแสดงออกอย่างชัดเจน รวมถึงร่วมขึ้นปราศรัยที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ในระหว่างการชุมนุมเมื่อ 19 กันยายน 2563
ข้ามหัวมหาเถรสมาคม
ข่าว : ผู้จัดการ : 29 พฤศจิกายน 2563 |
WWW.ALITTLEBUDDHA.COM WAT THAI LAS VEGAS 2920 MCLEOD DRIVE LAS VEGAS NEVADA 89121 U.S.A. PHONE. 702-384-2264 |