ราศีจับท่านรองมีชัย !

 

 

วันก่อน "บิ๊กแป๊ะ-บิ๊กแดง" บวชวัดหงส์

 

วันวาน "พงศ์พร" ยกขบวนไปร่วมประชุมวัดหงส์

 

ใครๆ ก็ไป..วัดหงส์

 

 

 

 

 

 

 

ดาวล้อมเดือน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

พระบิ๊กแป๊ะ และ พระบิ๊กแดง บวชวัดหงส์

 

ก่อนจะออกมาดำรงตำแหน่งใหญ่ในประเทศ

 

ถามว่ามีใครเป็นพระอาจารย์ คำตอบก็คือ หลวงพ่อมีชัย วัดหงส์

 

ชื่อท่านเป็นมงคล ไปวัดหงส์ ไปแล้ว..มีชัย

 

 

 

 

 





 

 

 

 

ชื่อเสียงเรียงนามของ "วัดหงส์รัตนาราม" เขตบางกอกใหญ่กรุงเทพฯ ซึ่งอดีตไม่ไกล ย้อนหลังไปแค่ปี 2552 หรือ 11 ปีก่อนนี้เอง วัดหงส์นั้นโทรมถึงขนาด "ขาดเจ้าอาวาส" ต้องนิมนต์ "พระศรีศาสนวงศ์ -พระมหามีชัย ป.ธ.9" วัดอรุณราชวราราม ไปดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส แต่นับจากนั้น วัดหงส์เหินกลายเป็นหงส์ทอง เริ่มมีชื่อเสียงเรียงนามว่า "เป็นวัดทหาร" หรือวัดราชการ มีข้าราชการทหารตำรวจชั้นผู้ใหญ่นิยมไปทำบุญ จนกระทั่ง "บิ๊กแป๊ะ" และ "บิ๊กแดง" อดีต ผบ.ตร. และ ผบ.ทบ. ออกบวชหลังเกษียน หวยก็ออกที่..วัดหงส์ ของเจ้าคุณมีชัย ซึ่งมียศเป็น "พระเทพปริยัติมุนี" ในวันนี้

 

 

ซึ่งทั้งหมดทั้งปวงนั้น ก็เริ่มมาจากเสียงกระซิบในวงการสงฆ์ว่า "มีพระมหา ป.9 รูปหนึ่ง อยู่วัดแจ้งอรุณ แสดงพระธรรมเทศนาได้เป็นที่ประทับใจของสมเด็จพระมหาราชินี (ร.9) มาก" จนกระทั่งพระมหารูปนั้นได้ย้ายไปเป็นเจ้าอาวาสวัดหงส์ ความเจริญรุ่งเรืองจึงตามมา..ด้วยพระราชศรัทธา

 

 

 

 

 

 

 

 

"เจ้าคุณมีชัย" เจ้าอาวาสวัดหงส์รัตนาราม คือพระมหารูปที่ว่านั้น นอกจากจะมีการศึกษาบาลีระดับเอกอุ คือ ป.ธ.9 แล้ว ก็ยังแม่นยำในตัวบทกฎหมาย ถึงกับได้รับความไว้วางใจจาก "สมเด็จพระพุทธชินวงศ์-สมศักดิ์" อดีตเจ้าคณะใหญ่หนกลาง ให้เป็นมือวางทางด้านนี้ และเมื่อมีการตั้งเจ้าคณะภาค 1 ในปี 2554 พระมหามีชัยก็ได้ขึ้นเป็น "รองภาคหนึ่ง" คู่กับ "มหาสายชล" ซึ่งได้ตำแหน่งมาเพราะเป็นหลานสมเด็จนิยมวัดชนะสงคราม แต่ต้องมาตกม้าตาย เพราะคดีความของ "ท่านธัมมชโย" แห่งคลองสาม ตำราเก่า "ลูกเจ้าเหง้าขุน" ใช้ไม่ได้ คนโง่เป็นใหญ่เมื่อไหร่ บ้านเมืองก็ฉิบหายเมื่อนั้น ถึงวันนี้มหาสายชลยังไม่รู้ไม่ชี้ว่าธัมมชโยอยู่ไหน ถ้าได้เป็นเจ้าคณะภาคหนึ่งอีกครั้งก็เอวังประเทศไทย

 

 

ต่อมาในปี 61 บรรดาเจ้าคณะภาคในหนกลางเกษียณอายุลง ผลปรากฏว่า "ท่านรองมีชัย" ได้รับแต่งตั้งให้รักษาการภาค 1 จ่อขึ้นเป็นเจ้าคณะภาคเต็มตัว แต่ก็เกิดมีอุปสรรคเล็กๆ น้อยๆ ต้องถอยก่อน จวบจนกระทั่ง "บิ๊กแป๊ะและบิ๊กแดง" ออกบวชวัดหงส์ นี่แหละ เหมือนพระอาทิตย์หลุดจากก้อนเมฆใหญ่ ไม่มีใครไม่รู้จัก..ท่านรองมีชัย แห่งวัดหงส์ ในฐานะพระอาจารย์ของสองบิ๊กตำรวจ-ทหาร ไอ้ไข่ก็ไอ้ไข่เถิด ไม่รู้จักหลวงพี่มีชัยจะไปไกลๆ ได้อย่างไร ไปไม่มีชัยก็ไปไม่รอด

 

 

 

 

 

 

 

มีชัยโชว์ !

 

 

 

 

เมื่อวาน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จัดงานใหญ่ น่าจะใช้หอประชุมพุทธมณฑลอันเป็นศูนย์กลางพุทธโลก แต่ไม่ สำนักพุทธฯกลับไปใช้ "ห้องประชุมวัดหงส์รัตนาราม" ของท่านรองมีชัย เลยมีภาพ "ดาวล้อมเดือน" ให้เห็นเป็นบุญตา เพราะดาราในงานนี้หาใช่ใครอื่น ท่านรองมีชัยคว้ามงกุฎไปอย่างไร้คู่แข่ง เจ้าคุณพล วัดสังเวช เจ้าคณะภาค 6 เอย เจ้าคุณประสิทธิ์ วัดประยูร รองอธิการบดี มจร. ผู้ยิ่งใหญ่ เอย เจ้าคุณชัยวัฒน์ วัดพระปฐมเจดีย์ เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม เอย ซึ่งแต่ละท่านล้วนแต่เป็น "บิ๊กเนม" ในวงการสงฆ์ ดำรงตำแหน่งมาก่อนเจ้าคุณมีชัยระดับเจ้านายกับลูกน้อง แต่วันนี้ต้องหลีกทางให้ เพราะไม่สามารถจะทาน "บารมี" ของท่านมีชัยได้ พระอาทิตย์ขึ้นที่ฝั่งธนอีกดวงแล้ว หลังจากเจ้าคุณประยูร "ร่วง" จากเก้าอี้มหาเสนาบดี "เจ้าคณะใหญ่หนกลาง" หงส์ฟ้าก็ปรากฏตัวแทนทันที

 

 

 

 

 

 

 

 

ที่ต้อง "หมายเหตุ" ไว้เป็นจุดใหญ่ก็คือว่า การเดินทางไปประชุม "ที่วัดหงส์" เมื่อวานนั้น มีท่าน พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และปัจจุบันเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านกิจการพระพุทธศาสนา แถมยังมีสถานะพิเศษใกล้ชิดกับท่าน "พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา" องคมนตรี ผู้ตงฉิน ซึ่งว่ากันว่าเป็นองค์มนตรีที่ดูแลกิจการพระพุทธศาสนา อะไรจะผ่านเข้าไปในวัง ก็ต้องผ่านสายตาของท่านไพบูลย์ก่อน โดยมีผู้ชงคือ "ท่านพงศ์พร" ของมาดามขนิษฐา

 

 

สาเหตุต้องไปประชุมที่วัดหงส์ ก็เพราะท่านพงศ์พร "ไม่ค่อยสะดวกใจ" หากไปที่พุทธมณฑล ประเดี๋ยวคนจะหาว่า "ผมอยู่เหนือคุณณรงค์ ทรงอารมณ์ ผอ.พศ." ดังนั้น เพื่อให้บรรยากาศมันผ่อนคลาย จึงย้ายห้องประชุมไปที่วัดหงส์ เรื่องก็มีแค่นี้

 

 

แต่ที่มันไม่แค่นี้นั้นก็เพราะว่า ถ้าลองระดับ "บิ๊กพงศ์พร" เข้าวัดไหน ก็เชื่อใจได้เลยว่า เจ้าอาวาสวัดนั้นต้องไม่ธรรมดา เพราะว่าพงศ์พรเข้าวัดยาก เข้าแต่ละทีก็เอาพัดยศไปถวายพะรุงพะรัง

 

 

 

 

 

 

ก่อนหน้านั้น "สองวัน" หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ได้พาดหัวข่าวใหญ่ "เตรียมตั้ง 26 เจ้าคณะภาคทั่วไทย" ไล่ยาวไปถึงว่าใครจะอยู่ใครจะไป พอมาวันนี้ มีภาพประชุมใหญ่วัดหงส์ มันก็ลงตัวเหมือนจับวางว่า "ตำแหน่งเจ้าคณะภาค 1" เห็นทีจะไม่หนี "วัดหงส์" ไปเสียแล้ว คนเราบทจะดัง อะไรก็ห้ามไม่อยู่ จริงไหมครับ ท่านพงศ์พร ?

 

 

 

 

 

 

 

 

พระธรรมราชานุวัตร (สุทัศน์ วรทสฺสี ป.ธ.9)

เจ้าอาวาสวัดโมลีโลกยาราม

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ถามว่า มีพระหนุ่มรูปอื่นอีกไหม ที่จะได้เป็นใหญ่เป็นโตในคราวเดียวกับเจ้าคุณมีชัย ? ตอบว่า มีมากมายหลายรูปเชียวล่ะ แต่ขอ "ใบ้หวย" เฉพาะรางวัลใหญ่ๆ เท่านั้นนะ รางวัลข้างเคียงอื่นใดค่อยไปตรวจเอาวันหวยออก

 

 

"บิ๊กเนม" อีกชื่อหนึ่งในวงการสงฆ์หน้าใหม่ คงไม่แปลกใจที่ชื่อของ "เจ้าคุณสุทัศน์" วัดโมลีโลกยาราม หรือวัดท้ายตลาด จะขึ้นป้าย กลายเป็น "วัดหน้าตลาดพระ" กับเขา เอาแค่ข่าว "ราชกิจจานุเบกษาประกาศเลื่อนสมณศักดิ์พระสงฆ์ 3 รูป ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 2563" ปรากฏว่ารูปแรกเป็นพระแขก รูปที่สองเป็นพระฝรั่ง ส่วนพระไทยมีเพียงหนึ่งเดียว คือ พระเทพปริยัติโมลี (สุทัศน์ วรทสฺสี) วัดโมลีโลกยาราม ได้เลื่อนเป็น "พระธรรมราชานุวัตร" แทนสมณศักดิ์เดิมของหลวงพ่อพระธรรมราชานุวัตร (สุทัศน์ สุทสฺสโน) อดีตเจ้าคณะภาค 6 วัดพระแก้วเชียงราย ซึ่งมรณภาพลงอย่างปัจจุบันทันด่วนเมื่อปีกลายนี่เอง

 

 

การฝ่าด่านมะขามเตี้ยเข้ามาเพียงองค์เดียวของเจ้าคุณสุทัศน์ ในบรรดาพระไทยตั้ง 3 แสนรูป ครั้งนี้ ชี้ว่า "ทรงโปรดปรานเป็นพิเศษ" เพราะ พ.ศ.นี้ ถ้าไม่ดีจังไม่ดังจริง หมดสิทธิ์เข้าวังแน่ ไม่ว่าสายไหน การได้เลื่อนเป็น "ชั้นธรรม" ของท่านสุทัศน์ จึงไม่ต้องอธิบายขยายความ เพราะนี่คือของจริง

 

 

ใช่แต่เท่านั้น เราท่านเคยได้ยินกันมาว่า มีวัดทหารบ้าง วัดตำรวจบ้าง วัดข้าราชการบ้าง แต่ยังมีเสียงกระซิบว่า มีวัดทหารพิเศษอยู่วัดหนึ่ง คือวัดโมลี วัดนี้มีชื่อว่า "วัดทหารเรือ" เพราะทหารเรือเข้าทำบุญวัดนี้ ถึงขนาดว่า ยกกองทัพเรือมาเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวเรือพระเณรทั้งวัดอยู่เป็นประจำ

 

 

ปี พ.ศ. 2540 วัดโมลีโลกยาราม ชำรุดทรุดโทรมหนัก ถึงกับขาดเจ้าอาวาส สมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม เจ้าคณะใหญ่หนกลางในสมัยนั้น จึงบัญชาให้ "พระเทพปริยัติสุธี : วรวิทย์ คงฺคปญฺโญ" ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์ ท่าพระจันทร์ ให้ไปดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโมลี หลวงพ่อวรวิทย์จึงหอบหิ้วเอาบรรดาลูกศิษย์ที่เคารพรักไปอยู่วัดท้ายตลาด หนึ่งในนั้นก็คือ พระมหาสุทัศน์ วรทสฺสี ป.ธ.9 และในปี พ.ศ.2545 พระเทพปริยัติสุธี ได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระธรรมปริยัติโสภณ

 

 

วันที่ 5 ธันวาคม 2553 พระธรรมปริยัติโสภณ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกล้าฯ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช มหาราช สถาปนาขึ้นเป็นพระราชาคณะรอง ในราชทินนาม พระพรหมกวี เป็นกรณีพิเศษ

 

 

แต่ครั้นวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2554  ก็มีข่าวเศร้า เมื่อเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ส่งผลให้หลวงพ่อพระพรหมกวี เจ้าอาวาสวัดโมลีโลกยาราม และเจ้าคณะภาค 10 มรณภาพกะทันหัน ยังมิทันได้ฉลองรองสมเด็จด้วยซ้ำ

 

 

วัดโมลีในตอนนั้นจึงอลเวงหนัก ไหนจะงานศพ ไหนจะงานสำนักเรียน เพราะหลวงพ่อไปไม่บอกใคร สุดท้ายก็ได้หน่อเนื้อเชื้อไข คือ พระมหาสุทัศน์ วรทสฺสี ป.ธ.9 ขึ้นกุมบังเหียนแทน โดยเจ้าคุณสุทัศน์สามารถรวบรวมเอาบรรดาศิษยานุศิษย์ในหลวงพ่อวรวิทย์ให้เข้ามาเป็นทีมงาน "วัดโมลี" มีเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียว คือ สืบสานปณิธานของหลวงพ่อ ส่งเสริมการศึกษาภาษาบาลี เพียงวิชาเดียว

 

 

และนับจากนั้นมา วัดโมลีอันจะพังมิพังแหล่ กลับผงาดกลายเป็น "สำนักเรียนอันดับหนึ่งของประเทศไทย" ไปแบบเซียนพระต้องขยี้ตาว่าทำได้ไง ถ้ามิใช่ "ฝีมือ" ของท่านสุทัศน์ ซึ่งขึ้นเป็นเจ้าอาวาสโดยอุบัติเหตุ

 

 

 

 

 

 

 

ผลงานเหล่านี้ ส่งผลให้เจ้าคุณสุทัศน์ "พุ่งพรวด" จากพระเมธีวราภรณ์ ในปี 2551 ก็ติดยศติดๆ กัน เป็นพระราชปริยัติโมลี พระเทพปริยัติโมลี และพระธรรมราชานุวัตร ทั้งหมดนี้ใช้เวลาแค่ 12 ปี ถัวเฉลี่ยชั้นละ 3 ปีเท่านั้น ถือว่าไวที่สุดแห่งยุคเลยเชียว บางรูป 12 ปี ยังไม่ได้เลื่อนเลย รอจนความหวังเลื่อนลอย

 

 

ปัจจุบัน เจ้าคุณสุทัศน์ อายุแค่ 49 พรรษา 29 ถือว่าหนุ่มแน่น ยังไปได้อีกไกลโข เผลอๆ จะถึง "สมเด็จพระราชาคณะ" ถ้ารักษาเนื้อรักษาตัวให้ดี

 

 

 

 

 

 

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ที่ผ่านมา เจ้าคุณพระสินีนาฎ พิลาสกัลยาณี ท่านเดินทางไปทำบุญถวายสังฆทานที่วัดโมลีโลกยาราม ญาติโยมทั้งตลาดเลยแห่กันเข้าวัด วัดโมลีกลายเป็น "แลนด์มาร์ก" แห่งใหม่ในการทำบุญไปแล้ว

 

 

แล้วถามว่า ในบรรดาเจ้าคณะภาค 18 ภาค ในฝ่ายมหานิกาย ที่มหาเถรสมาคมจะคัดสรรและเสนอแต่งตั้งใหม่ ภายใต้พระบรมราชโองการนั้น "ท่านสุทัศน์" จะมีชื่อติดโผกับเขาไหม ?

 

 

ตอบแทน "หมอลักษณ์ฟันธง" ได้เลยว่า "ไม่พลาดแน่" งานนี้ท่านสุทัศน์มีเก้าอี้ใหญ่รอไว้แล้ว ไม่ภาคใดภาคหนึ่งก็อาจจะลงตรง "เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร" นี่แหละ พอเหมาะพอเจาะ ไม่ใหญ่ไม่เล็ก เพื่อประหยัดให้เข้ากับยุคสมัย ก็รอฉลองพร้อมกันทั้ง "ชั้นธรรม" และ "เจ้าคณะ" จะได้ไม่ต้องเหนื่อยรับแขก นะขอรับท่านสุทัศน์ ทำพระนาคปรกใบมะขามวัดท้ายตลาดตามตำราของ "เจ้าคุณสนิท" อันโด่งดังระดับเบญจภาคีในอดีตอีกซักรุ่น รับรองว่าเท่าไหร่ก็ไม่พอแจก

 

 

 

อะลิตเติ้ลบุ๊ดด่ะ ดอทคอม รายงาน : 25 พฤศจิกายน 2563

 

 

 

 

WWW.ALITTLEBUDDHA.COM WAT THAI LAS VEGAS 2920 MCLEOD DRIVE LAS VEGAS NEVADA 89121  U.S.A.  PHONE. 702-384-2264