อุทธรณ์ยืนคุก 20 ปี

 

พนม ศรศิลป์ และพวก

 

คดีเงินทอนวัด

 

 

 

 

 

 

พนม ศรศิลป์ อดีต ผอ.พศ.

 

 

ศาลอุทธรณ์ ยืนจำคุก 20 ปี พนม ศรศิลป์ พร้อมให้ร่วมชดใช้ 12 ล้าน คดีเงินทอนวัด

 

ศาลอุทธรณ์แผนกคดีอาญาทุจริตฯ พิพากษายืนจำคุก 20 ปี "พนม ศรศิลป์" อดีตผู้อำนวยการ พศ. และให้ร่วมกับพวกชดใช้เงิน 12 ล้าน คดีทุจริตเงินทอนวัด ขณะที่จำเลยเตรียมยื่นขออนุญาตฎีกาต่อไป

 

กรณีศาลแผนกคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ มีคำพิพากษา คดีอัยการฟ้อง นายพนม ศรศิลป์ อดีต ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) นายวสวัตติ์ กิตติธีระสิทธิ์ อดีต ผอ.ส่วนบูรณะพัฒนาวัดและการศาสนสงเคราะห์ กองพุทธศาสนสถาน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นายเจษฎา วงศ์เมฆ ฆราวาส ทำหน้าที่ติดต่อหาวัด นายชรินทร์ มิ่งขวัญ ฆราวาส ทำหน้าที่ติดต่อหาวัดเป็นจำเลยที่ 1-4 ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางเป็นคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท. 253/ 2561 คดีหมายเลขแดงที่ อท. 251/ 2562 ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต หรือกรณีเบียดบังเอาเงินของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติไปเป็นประโยชน์ของตน โดยใช้วัดเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดรับโอนเงินงบประมาณที่มีการเบียดบังไปจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พิพากษาจำคุกจำเลยที่ 1-2 คนละ 20 ปี จำคุกจำเลยที่ 3 เป็นเวลา 6 ปี 8 เดือน และจำคุกจำเลยที่ 4 เป็นเวลา 1 ปี 8 เดือน และให้จำเลยที่ 1-3 ร่วมกันคืนเงินหรือใช้เงินจำนวน 12,000,000 บาท โดยให้จำเลยที่ 4 ร่วมใช้เงินกับจำเลยที่ 1-3 จำนวน 3 ล้านบาท แก่ผู้เสียหายนั้น

 

เมื่อวันที่ 20 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้ตรวจสอบพบว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์แผนกคดีอาญาทุจริตฯ ได้มีคำพิพากษาไปเมื่อ วันที่ 21 ต.ค. 63 ที่ผ่านมาโดยพิพากษายืน และจำเลยได้เตรียมยื่นขออนุญาตฎีกาต่อไป

ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พิพากษาว่าเมื่อพิจารณาตามพฤติการณ์แห่งคดีแล้วเชื่อได้ว่าจำเลยทั้งสี่กับพวกเป็นผู้ร่วมคบคิดกันการกระทำความผิด เพราะได้กระทำการดังกล่าวเป็นเครือข่ายระหว่างข้าราชการของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กับบุคคลภายนอกในลักษณะกระทำการใดๆ เพื่อให้ได้รับความช่วยเหลือหรือให้ได้รับความสะดวกในการกระทำความผิดและเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่กัน ทั้งมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันของจำเลยทั้งสี่กับพวก เป็นเครือข่ายและขบวนการในการกระทำความผิดเบียดบังยักยอกเงินเงินอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัดของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตฯ เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ข้อนี้ของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ฟังไม่ขึ้น

ศาลเห็นว่า การกระทำผิดเป็นกรรมเดียวหรือไม่เห็นว่า จำเลยหลีกเลี่ยงการตรวจสอบพบมูลทุจริตในกลอุบายหลอกลวงสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ วัดมุขธาราราม วัดท่าพญา วัดนาวง และวัดปากเจาพัฒนาราม คนละวันเวลาและในสถานที่แตกต่างกัน เพียงพอนับว่าเป็นการกระทำความผิดต่างกรรมต่างวาระกัน ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าการกระทำของจำเลยที่ 1-2 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันไม่ใช่กรรมเดียวรวม 4 กระทง นั้นศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ข้อนี้ของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น และออกหมายจำคุกต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 20 พ.ย. สำหรับคดีนี้ หากจำเลยจะยื่นฎีกา ก็จะต้องเป็นการยื่นฎีกาในลักษณะขออนุญาตฎีกาตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 ซึ่งมาตรา 42 กำหนดว่า คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบให้เป็นที่สุด หากคู่ความประสงค์จะฎีกาต้องปฏิบัติตามมาตรา 44 ที่กำหนดให้การฎีกาผู้ฎีกาต้องยื่นคำร้องแสดงเหตุที่ศาลฎีกาควรรับฎีกาไว้พิจารณาพร้อมกับคำฟ้องฎีกาด้วย

 

 

ข่าว : ไทยรัฐ : 20 พฤศจิกายน 2563

 

 

 

 

WWW.ALITTLEBUDDHA.COM WAT THAI LAS VEGAS 2920 MCLEOD DRIVE LAS VEGAS NEVADA 89121  U.S.A.  PHONE. 702-384-2264