รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์

 

มหาเถรสมาคมออกมติ

 

ให้พระไทยทั่วประเทศ "เทศน์" สอนให้รักสถาบัน

 

 

 

 

อา..ก็ไม่รู้ว่าคนไทยขาดความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ไปหรืออย่างไร มหาเถรสมาคมถึงได้ออกมติให้พระไปเทศน์เรื่องความรักในสถาบัน ทั้งๆ ที่ทุกคนควรจะมีอยู่โดยธรรมชาติ คือตั้งแต่เกิด เช่น รักพ่อ รักแม่ รักพี่ รักน้อง รักถิ่นฐานบ้านเกิด เพราะคนเราไม่ได้เกิดมาจากกอไผ่ และไม่ได้โตมาเหมือนหมูหมาที่เรียกว่า "ไข่ทิ้ง" แต่มีพ่อแม่ญาติพี่น้องคอยเลี้ยงและอุ้มชูดูแล มีสถาบันการศึกษา มีวัฒนธรรมดีงาม และอะไรอีกมากมาย ให้เกิดความรักความผูกพัน ทีนี้ เมื่อจะมีปัญหาเกิดขึ้นกับสิ่งเหล่านั้น ทุกคนก็ย่อมจะเกิดความรัก ความหวงแหน และย่อมจะแสดงออกในทางป้องกันรักษาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ความรักจึงเป็นเรื่องธรรมชาติ มิใช่เรื่องสร้างขึ้นแต่อย่างใด

 

 

ในอีกทางหนึ่ง มองว่า ถ้าหากว่า สถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างเหมาะสม ก็คงจะสามารถปลูกฝังความรักให้แก่ประชาชนคนในชาติได้ โดยไม่ต้องเรียกร้องต้องการ กลับกัน คนในชาติเองต่างหากที่ควรต้องแสดงออกด้วยตนเอง โดยไม่ต้องมีใครมาสอนสั่ง ดังคำโบราณว่า รักเมียเก็บไว้ในกระดูก รักลูกเก็บไว้ในใจ ใครไปกอดจูบกันในที่สาธารณะนั้นท่านถือว่าประเจิดประเจ้อ เป็นคนไร้วัฒนธรรมด้านความรัก

 

 

แต่การที่จะให้พระสงฆ์เทศน์เรื่อง "ความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์" นั้น ย่อมบ่งชี้ให้เห็นว่า การทำหน้าที่ของสถาบันหลัก เช่น ศาสน์ กษัตริย์ และรวมทั้งสถาบันการศึกษาหรืออื่นใดในประเทศไทย ขาด ตก บกพร่องไป ทำให้เกิดความเหินห่างร้างรา จนวิตกว่า "คนไม่รัก" ไปในที่สุด และถึงกับต้องเรียกร้องต้องการให้เขาหันมารักอย่างง่ายๆ ด้วยวิธีการ "ยืมปากพระเทศน์" ซึ่งพระจะกลายเป็น "พ่อสื่อ" ไปในทันที

 

 

ความรัก ความภักดี นั้น ก็เทียบได้กับ "ศรัทธา" ในทางพระพุทธศาสนา คนจะศรัทธาหรือไม่ มิใช่อยู่ที่จะไปเรียกร้องให้เขา "เคารพศรัทธา" แต่อยู่ที่ตัวศาสนา คือพระสงฆ์องค์เณร จะประพฤติปฏิบัติตัวให้อยู่ในศีลธรรม เป็นที่น่าเคารพศรัทธา เป็นเบื้องต้น เมื่อประชาชนเขาเห็น เขาก็จะเกิดศรัทธาและ..มาเอง มิต้องโฆษณาเชิญชวนแต่อย่างใด กลับกัน ถ้าไม่ทำตัวให้เขาศรัทธา ถึงจะร้องแรกแหกกระเชอยังไง ก็ไม่มีผล หรืออาจจะกลายเป็นผลร้ายไปเลยก็ได้ ในเมื่อใจมันไม่รักเสียอย่าง ทำอย่างไรก็ไร้ผล กรรมการมหาเถรสมาคมไม่เคยมีความรัก แล้วจะพูดให้เขารักได้อย่างไร หรือจะใช้พระพุทธภาษิตว่า "ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์" แบบนี้ก็ยิ่งไปกันใหญ่ เห็นความรักเป็นปฏิปักษ์ไปเลย

 

ศรัทธาสร้างอย่างไร ความรักก็สร้างอย่างนั้น จะสร้างแบบมหาเถรสมาคมออกมติได้หรือไม่ ก็ไม่มีใครกล้า..สอนสังฆราช ซึ่งคำๆ นี้เป็นปัญหาใหญ่ในพระศาสนา เพราะว่าถ้าสอนไม่ได้ ก็หมดหนทางจะปรับปรุงแก้ไข ปล่อยให้ทำผิดๆ ถูกๆ กันต่อไป โดยเข้าใจว่าตัวเองทำถูก ครั้นสุดท้าย เมื่อคนหมดรักหมดศรัทธา ก็กลับหันมาใช้อำนาจสั่งให้พระเทศน์ ยิ่งเทศน์ก็ยิ่งตลกใหญ่ ประจานไปทั่วโลกว่า ประเทศไทยขาดความรัก ต้องให้พระสอนเรื่องความรัก เอากันอย่างนั้นหรือครับ ท่านมหาเถรสมาคม ?

 

 

 

 

 

 

สามกูรูเรื่องความรัก

 

 

 

ถ้าจะให้การเทศน์ของมหาเถรสมาคมครั้งนี้ ลึกซึ้งกินใจ แบบว่าเข้าตาเข้าใจของประชาชนคนไทยจริงๆ แล้ว ก็เห็นว่า น่าจะนิมนต์/เชิญ ให้ท่านเหล่านี้ เป็นผู้แสดง ได้แก่

 

 

1. สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี หรือเจ้าคุณธงชัย วัดไตรมิตร เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ซึ่งเพิ่งได้รับ "ความรัก" จากสถาบันอย่างสูงสุดมาแบบสดๆ ร้อนๆ และร้อนรักถึงกับออกประกาศ "ฉบับแรก" ห้ามใช้วัดเป็นสถานที่ชุมนุมทางการเมือง เรื่องความรักและภักดีจึงต้องถาม..เจ้าคุณธงชัย

 

 

2. พระพรหมบัณฑิต หรือเจ้าคุณประยูร วัดประยูรวงศ์ ซึ่งเพิ่งอกหักจากตำแหน่งเจ้าคณะใหญ่หนกลางมาสดๆ ร้อนๆ แต่คงจะเขียนเรื่องความรักไม่ถนัด ถ้าเรื่องอกหักละก็ถูกอารมณ์ ภาษาวัยรุ่นว่า ไม่ต้องบิ๊วก็น้ำตาไหลโดยไม่ต้องใช้ยาหม่อง

 

 

3. อดีตพุทธอิสระ หรือคุณสุวิทย์ ผู้มีบารมีเหนือรัฐธรรมนูญ เอ๊ย เหนือกว่าพระในวัดอ้อน้อย ถึงจะมีปัญหาคดีความต่างๆ ติดตัวจนผ้าเหลืองหลุดลอย แต่ได้รับคำชมจากในหลวง หลังจากเข้าไปกราบฝ่าพระบาท ทำให้ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น กลับไปถึงวัดอ้อน้อยก็ขึ้นนั่งเอ้เต้บนเก้าอี้ใหญ่ให้พระกราบไหว้ไม่เคอะเขิน พอถูกสังคมนอกวัดรุมประณามก็อ้อมแอ้มแก้ตัวว่า "ลืมไป" ก็ไม่มีใครกล้าเอาความอีกต่อไป จึงเชื่อว่าพุทธะอิสระจะพูดเรื่องความรักในสถาบันได้ไม่แพ้ใคร รู้ด้วยว่าแสดงความรักอย่างไรถึงจะถูกต้อง โดยไม่ต้อง..ลาศีล เพราะความรักเป็นความมืดบอด คนมีความรักกับคนตาบอดนั้น ท่านว่าพรรค์เดียวกัน ท่านพุทธะอิสระจึงทำอะไรไม่เคยผิดในสายตาของคนรัก

 

 

 

 

 

 

 

 

หรือจะเอาไปร่วมกับโครงการ "มีเทศน์ มีทอล์ค" ซึ่งจะจัดในวันที่ 7-8 เดือนนี้ ก็น่าจะเหมาะ เป็น One-Stop เพราะรวมดาวนักเทศน์ทั่วฟ้าเมืองไทย แถมยังใช้ห้างเป็นที่จัดงานด้วย สินค้าคุณภาพไม่ต้องลงทุนอะไรเลย มีแต่ได้กับได้ ก็ขอฝากมหาเถรสมาคมไว้พิจารณา เสียอะไรไม่ว่า แต่เสียเวลาและโอกาสนั้น เสียหายหลายแสนเลยล่ะครับ

 

 

 

 

 

 

 

 

อะลิตเติ้ลบุ๊ดด่ะ ดอทคอม รายงาน : 4 พฤศจิกายน 2563

 

 

 

 

WWW.ALITTLEBUDDHA.COM WAT THAI LAS VEGAS 2920 MCLEOD DRIVE LAS VEGAS NEVADA 89121  U.S.A.  PHONE. 702-384-2264