ลามนิตยภัต

 

รัฐบาลปัดเพิ่มเงินนิตยภัตพระสังฆาธิการ

สำนักพุทธฯแฉกลางที่ประชุมสงฆ์

รัฐบาลไม่ให้เงินเพิ่มมา 3-4 ปีแล้ว

 

 

 

อา..วันก่อน คุณศรีสุวรรณ จรรยา ก็ออกมาปูดว่า "พระเณรทั่วประเทศยังไม่ได้เงินเยียวยาโควิดเลย" ขณะที่มีข่าวว่ารัฐบาลจ่อจ่ายเยียวยารอบสอง วันนี้ก็ได้ข่าวร้ายจากสำนักพุทธฯ เพิ่มเติมว่า "รัฐบาลบิ๊กตู่ปฏิเสธจ่ายเงินนิตยภัตพระเพิ่มเติม มาเป็นเวลา 3-4 ปีแล้ว" โดยระบุว่า มีพระเปรียญสอบได้เพิ่มขึ้นทุกปี แต่รัฐบาลไม่มีเงินจ่าย ทำให้ต้องใช้วิธีการ "จัดสรรให้พระที่มีสิทธิก่อน" ซึ่งก็ต้องถามว่า อะไรหรือคือสิทธิก่อนหรือหลัง ที่ทางสำนักพุทธฯ จะใช้เป็นมาตรฐานการจ่ายเงินนิตยภัต

 

 

 

 


 

 

 

 

แต่มีข้อสังเกตว่า พระเณรที่สอบได้ประโยค 9 ในปีนี้ ยังไม่มีพิธีทรงตั้งเปรียญ ซึ่งทางสำนักพุทธฯ ได้แจ้งให้ทราบตั้งแต่ 1 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ซึ่งตีความได้ว่า เมื่อพระเณรรูปใดยังไม่ผ่านพิธีตั้งเปรียญ ก็ยังไม่ใช่พระเณรเปรียญ ถึงจะสอบผ่านแล้วก็ตาม  พระเณรเปรียญรุ่นนี้จึงอาจจะไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินนิตยภัต หรือบางที อาจจะมีการ "ยกเลิก" พิธีตั้งเปรียญไปเลยก็ได้ เพื่อจะให้จำนวนพระเณรเปรียญ "ไม่เพิ่มขึ้น" เพราะรัฐบาลไม่มีเงิน หรืออาจจะมี แต่รัฐอาจจะมีนโยบายไม่สนับสนุนพระพุทธศาสนาแล้วก็ได้ จึงเริ่มตัดทอนศาสนทายาทลงไปเรื่อยๆ เพราะเมื่อพระเณรไม่ได้รับการสนับสนุน ก็คงไม่มีกำลังใจจะศึกษา ก็เท่ากับว่ารัฐได้ "คุมกำเนิด" พระพุทธศาสนา ง่ายๆ แค่ไม่จ่ายเงินเดือน ต่อจากนี้ใช่แค่ไม่มีพระเณรบวชเท่านั้น แต่จะลามไปถึงว่า ไม่มีพระเณรเรียนพระปริยัติธรรมโดยเฉพาะสายบาลีอีก เพราะเรียนไปก็ไม่ได้อะไร จบไปก็ไม่มีงานทำ อยู่เป็นพระก็ไม่มีใครเลี้ยง ตัวใครตัวมันสิคะ

 

 

 


 

 

 

ปัญหาถังแตก ของรัฐบาล น่าจะลามไปถึง "โควต้าพระราชาคณะหรือเจ้าคุณ" ซึ่งปีนี้ ไม่มีการตั้งพระราชาคณะใหม่เลย มีเพียงเลื่อนสมณศักดิ์ขึ้น "เพียง 3 รูป" ถือว่าน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์วันพ่อของประเทศไทย ดังนั้น จึงไม่ต้องหวังว่าปีหน้าจะมีเจ้าคุณใหม่เพิ่มขึ้นหรือไม่ ในเมื่อรัฐบาลไม่มีงบประมาณสนับสนุนพระศาสนาในด้านนี้ จำนวนเจ้าคุณก็คงจะเหลือแค่นี้ หรือบางทีอาจจะมีการ "ยกเลิกสมณศักดิ์" ไปเลย

 

พระพุทธศาสนาในประเทศไทย เราเดินมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร มหาเถรสมาคมประชุมกันทุกรอบ ถามว่าได้คุยถึงปัญหานี้กันบ้างไหม ทำไมไม่ได้ยินอะไรเลย นี่ถ้าไม่มีประชุมที่วัดหัวลำโพง ก็คงไม่มีใครรู้ น่าสงสัยว่า มหาเถรสมาคมประชุมอะไรกัน เรื่องสำคัญของพระศาสนาทำไมไม่พูด ?

 


 


 

 

 

ก็ไม่แน่นะ รัฐบาลอาจจะมีแนวความคิดใหม่ๆ ก็ได้ว่า การบวชเป็นพระเณรนั้น สิ้นเปลือง และไม่จำเป็น เพราะเห็นๆ ระยะหลังนี้ จะมีการเปิดตัว "อริยะในผ้าลาย" มากขึ้น โดยเฉพาะก็คือ "สุจินต์ บริหารวนเขตต์" ที่บอกว่า "บวชพระหรือไม่ ไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่การปฏิบัติธรรม" ปรากฏว่าทั้งองคมนตรี ตุลาการศาล และเจ้าหน้าที่ระดับสูง เข้าสมัครเป็นสาวกของนางเพียบ

 

 

 

 

 

 

ถ้ายกเลิกสมณศักดิ์ได้ ถ้ายกเลิกการศึกษาของสงฆ์แบบปัจจุบัน ที่ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเห็นว่าสิ้นเปลือง ก็อาจจะได้พระอริยสงฆ์อย่างแท้จริง คือจะมีคนบวชเพื่อพ้นทุกข์เท่านั้น เมื่อนั้นพระเณรจะอยู่ป่ากันหมด ไม่ต้องมีวัดวาอารามให้รกหูรกตา ไม่ต้องจ่ายนิตยภัตให้สิ้นเปลืองเงินหลวง

 

แต่อย่าลืมว่า การออกบวชเพื่อพ้นทุกข์นั้น เป็นการพ้นคนเดียว พระพุทธศาสนาจะดำรงคงมั่นอยู่ได้ ต้องมี "ปริยัติ-ปฏิบัติ-ปฏิเวธ" เป็นลำดับ หากข้ามขั้นก็เท่ากับ "ตัดตอน" พระพุทธศาสนา เชื่อหรือว่าจะไปรอด

 

 

 

 

 

 

 

 

พระอานนท์ไม่ได้เรียนจบปริญญาเอกก็จริง แต่พระพุทธองค์ทรง "ห้าม" พระอานนท์ มิให้ไปปฏิบัติธรรมเพื่อพ้นทุกข์ ทรงกำชับให้อยู่กับพระพุทธองค์ จดจำเอาพระธรรมคำสอนไว้ให้มาก "จะเป็นประโยชน์แก่พระศาสนา" หมายถึงว่าเป็นประโยชน์แก่คนในภายหน้า ถ้าไม่มีพระอานนท์คอยทรงจำคำสอนของพระพุทธเจ้าไว้ ก็ไม่มีพระพุทธศาสนามาถึงพวกเราทุกวันนี้ ท่านพระอานนท์บวชก่อนพระสาวกมากมายหลายร้อยรูป แต่ท่านได้บรรลุธรรม "หลังสุด" ต้องรอให้พระพุทธองค์ปรินิพพาน ถึงจะได้มีโอกาสปฏิบัติธรรม พระธรรมวินัยในวันนี้ จึงได้มาเพราะความเสียสละของพระอานนท์ ที่ไม่เข้านิพพานก่อนเพียงคนเดียว

 

 

คิดจะสอนคน จะบริหารปกครองบ้านเมือง ต้องเรียนรู้ให้รอบคอบ อย่าจับจด คิดแต่ว่ากูแน่ กูเก่ง ดูแต่พระธรรมคำสอนเพียงบางบท แต่ไม่อ่าน "กุศโลบาย" ที่ทรงวางงานพระศาสนาผ่านท่านพระอานนท์ ดูไม้ต้องดูทั้งป่า อย่าดูเพียงต้นเดียว ยิ่งพระพุทธศาสนาเป็นต้นไม้ใหญ่ ก็ควรจะปรึกษาหารือทุกฝ่ายให้รอบคอบ ฟังผู้หญิงคนเดียวได้ยังไง

 

รัฐบาล สำนักพุทธ สำนักพระราชวัง จะดำเนินการอย่างไรต่อไปกับพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะก็คือ ศาสนทายาท คือลูกหลานของพวกท่าน จะนำพวกเขาเข้ามารับมรดกตกทอดทางวัฒนธรรม หรือจะปล่อยทิ้งปล่อยขว้าง ไม่เอาอีกต่อไปแล้ว มันก็อยู่ที่ผู้มีอำนาจ วันนี้ ไม่ส่งลูกเรียนหนังสือ แล้วจะให้ลูกฉลาด จะให้ลูกเป็นที่เชิดชูวงศ์ตระกูล ก็ฝันเอาเท่านั้นเอง เพราะลูกโง่ ก็คือ พ่อแม่โง่

 

 

 

ก้านบัวบอกลึกตื้น ชลธาร
มารยาทส่อสันดาน ชาติเชื้อ
โฉดฉลาดเพราะคำขาน ควรทราบ
หย่อมหญ้าเหี่ยวแห้งเรื้อ บอกร้ายแสลงดิน

 

 

 

 

 

 

 

 

จับฉลากนะครับ ว่ารูปไหนจะได้ก่อน

 

 

 

 

 

สำนักพุทธฯมึนเงิน "นิตยภัต" ไม่พอจ่ายพระสงฆ์

 

 

เงินนิตยภัตไม่พอจ่ายพระสงฆ์ สำนักพุทธฯ เผยพระสงฆ์มีคุณสมบัติได้รับนิตยภัตเพิ่มขึ้นทุกปี แต่กลับได้งบฯเท่าเดิม ต้องแก้ปัญหาจัดสรรเงินให้พระที่ได้รับสิทธิก่อน

 

เมื่อวันที่ 22 ก.ย. ที่ห้องประชุมราชปริยัติสุนทร วัดหัวลำโพง มีการประชุมเจ้าคณะเขต เจ้าคณะแขวง รองเจ้าคณะแขวง และเลขานุการ ในเขตปกครองคณะสงฆ์กรุงเทพมหานคร โดยมี พระเทพสุธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม ผู้รักษาการแทนเจ้าคณะภาค 1 เป็นประธานเปิดการประชุม และมีการบรรยายพิเศษนโยบายงานของคณะสงฆ์กรุงเทพมหานคร กับการปกครองร่วมกัน โดยพระธรรมปัญญาบดี เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร ที่ปรึกษาเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า อยากให้ผู้บังคับบัญชาพระวินยาธิการ หรือตำรวจพระ ดูแลลูกน้องด้วย เพราะผู้ที่เข้ามาทำหน้าที่พระวินยาธิการถือว่ามีความเสียสละ เพราะเงินเดือนไม่มี แต่ต้องคอยออกตรวจตราพระสงฆ์ที่มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เรียกได้ว่าพระวินยาธิการเป็นหน้าที่ประเภทเนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง และกระดูกยังมาแขวนคออีก จึงควรที่จะต้องดูแลกัน ร่วมมือกัน ไม่เช่นนั้น หากชาวบ้านพบเห็นพระสงฆ์มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมมากขึ้น จะติเตียนได้ว่าคณะสงฆ์ไม่เรียบร้อย

 

จากนั้นเป็นการบรรยายพิเศษ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติกับการสนองงานคณะสงฆ์กรุงเทพมหานคร โดยนายสาโรจน์ กาลศิริศิลป์ ผอ.สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวตอนหนึ่งว่า งบประมาณ พศ. ได้รับแต่ละปีอยู่ที่ประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้กว่า 1,200 ล้านบาท จะเป็นเงินนิตยภัตของพระสังฆาธิการ ที่จะต้องได้รับประจำทุกเดือน แต่ปัญหาที่ พศ. ประสบมาโดยตลอด คือ เงินนิตยภัตไม่เพียงพอ สาเหตุเพราะมีพระสงฆ์ที่มีคุณสมบัติที่จะต้องได้รับเงินนิตยภัตเพิ่มขึ้นทุกปี เช่น พระสงฆ์ที่สอบได้เปรียญธรรม (ป.ธ.) 9 ประโยค ที่มีพระสงฆ์สอบได้ทุกปีหลายสิบรูป แต่เมื่อทำเรื่องของบฯเพิ่มไปก็ถูกปฏิเสธ ทำให้มีงบฯนิตยภัตคงที่อยู่ที่ประมาณกว่า 1,200 ล้านบาท มา 3-4 ปีแล้ว ดังนั้นทาง พศ. จึงต้องแก้ปัญหาด้วยการพิจารณาจัดสรรให้กับพระสงฆ์ที่มีสิทธิได้รับก่อน

 

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเงินนิตยภัตนั้น มีความเป็นมาคือ ในอดีตพระเจ้าแผ่นดินได้พระราชทานภัตตาหารแก่พระสงฆ์ที่มีสมณศักดิ์หรือที่เคารพนับถือเป็นการส่วนพระองค์ โดยให้เจ้าหน้าที่จัดถวายประจำ ต่อมาพระสงฆ์ที่มีสมณศักดิ์มีมากขึ้น และอยู่ตามหัวเมือง ก็มีความไม่สะดวกแก่การจัดอาหารถวาย แม้จะเปลี่ยนเป็นเงินแล้วก็ยังคงเรียกว่านิตยภัตเหมือนเดิม ดังนั้น นิตยภัต ถือว่าเป็นเครื่องสักการะที่พระเจ้าแผ่นดินถวายแก่พระสงฆ์ ผู้ทำคุณประโยชน์แก่พระศาสนาและบ้านเมือง โดยในปัจจุบันเงินนิตยภัต หรือที่ชาวบ้านมักเรียกว่า เงินเดือนพระ จะหมายถึงเงินงบประมาณแผ่นดินที่ พศ. ได้รับการจัดสรรจากรัฐบาลเป็นประจำทุกปี เพื่อเบิกจ่ายถวายอุปถัมภ์แก่พระภิกษุผู้ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ พระสังฆาธิการ พระเลขานุการ พระ ป.ธ. 9 ประโยค พระภิกษุผู้ปฏิบัติหน้าที่พิเศษตามพระบรมราชโองการในรัชกาลก่อน รวมทั้งบรรพชิตจีนนิกายและอนัมนิกาย

 

 

 

ที่มา : ดลินิวส์ : 22 กันยายน 2563

 

 

 

 

WWW.ALITTLEBUDDHA.COM WAT THAI LAS VEGAS 2920 MCLEOD DRIVE LAS VEGAS NEVADA 89121  U.S.A.  PHONE. 702-384-2264