ณรงค์ ควง พงศ์พร เข้าวัดปากน้ำ

 

ร่วมงานบุญอายุ 95 ปี หลวงปู่สมเด็จช่วง

 

ม่วนซื่นสุดๆ ในรอบหลายปี

 

 

 

 

 

 

 

 

95 ปี 75 พรรษา สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์

 

เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ

 

อดีตผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช

 

 

 

 

 

 

 

 

อา..ถ้ามันเป็นเช่นนี้เสียตั้งแต่แรก ก็คงเชื่อว่า "สิ่งที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ" ได้ปฏิบัติลงไปนั้น มาจากความจริงใจไม่เสแสร้ง แต่ภาพพจน์ที่ออกมาตั้งแต่เริ่มเข้ารับตำแหน่ง ผอ.พศ. ของทั้งณรงค์และพงศ์พรนั้น ไม่ปรากฏว่าทั้งสองจะได้เข้าไปร่วมงานวัดปากน้ำ ในฐานะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช มาก่อนเลย จนนายพงศ์พรจะพ้นจากตำแหน่ง จึงค่อยโผล่หน้าเข้าวัดปากน้ำเพียงครั้งสองครั้งก็หมดบทบาท ณรงค์เข้ามาก็ไม่ไปวัดปากน้ำ จะเพราะสาเหตุอะไรก็ต้องถามใจว่า  วันนั้นทำไมไม่ไป และวันนี้ทำไมถึงไป ? การไปวัดปากน้ำของ "ณรงค์-พงศ์พร" จึงถือว่ามีความหมายมาก รองลงมาจากนายกรัฐมนตรีเท่านั้น ซึ่งความจริงแล้ว จะไปหรือไม่ก็ไม่มีใครบังคับ เพียงแต่สงสัยว่า ก่อนหน้านั้นทำไมไม่ไป แล้ววันนี้ทำไมถึงไป มีเหตุผลอะไร ทำไมถึงเปลี่ยนใจ อะไรทำให้เปลี่ยนใจ แค่นั้น ตอบไม่ตอบก็แล้วแต่ เอาที่สบายใจได้เลย

 

 

อย่างไรก็ตาม การเข้าวัดปากน้ำเพื่อทำบุญโดยเฉพาะในวันนี้ ของณรงค์และพงศ์พรนั้น น่าจะได้บุญกุศลเต็มๆ ไม่มีการสร้างภาพหรือลับลมคมในอะไรอีกต่อไป แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะในวันเวลาเดียวกัน ที่ศาลอาญาฯ ศาลอุทธรณ์ ได้มีคำพิพากษาคดีเงินทอนวัด ของพระครูกิตติพัชรคุณ ซึ่งถูกสำนักพุทธฯ ยุคนายพงศ์พร เป็นผู้อำนวยการ ฟ้องร้อง ถูกจับสึกคุมขัง และศาลชั้นต้นสั่งจำคุกนานถึง 26 ปี แต่วันนี้ ศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษา "ยกฟ้อง" ส่งผลให้พระครูกิตติพัชรคุณ และผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ทั้งหมด "บริสุทธิ์" ปราศจากมลทินทั้งปวง

 

 

เมื่อท่านพระครูจำเลยกลายเป็นผู้บริสุทธิ์ ก็น่าจะหยุดเพียงแค่นั้น แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ กลายเป็นว่า เมื่อจำเลยบริสุทธิ์ ก็เท่ากับถูกกลั่นแกล้ง ได้รับความเสียหายร้ายแรง ทั้งถูกปลด ถูกถอดยศ ถูกจับสึก จับกุมคุมขัง สิ้นอิสระเสรีภาพทั้งกายใจ ถูกทำร้ายรุนแรงทั้งชีวิต แทบล้มแทบตาย แม้จะผ่านกระบวนการยุติธรรม แต่ผู้กระทำเริ่มต้นคือโจทก์นั้น ย่อมจะถูกตั้งคำถามว่า "ทำกับผู้บริสุทธิ์ไปทำไม" ในเมื่อวันนี้ กระบวนการยุติธรรมได้พิพากษาออกมาแล้ว เมื่อจำเลยบริสุทธิ์ ก็เท่ากับ โจทก์ไม่บริสุทธิ์ แถมโจทก์นั้นมิใช่บุคคลธรรมดา แต่คือ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ชื่อ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" เห็นไหมว่าเดิมพันมันสูง รัฐบาลและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จะตอบคำถามสังคมไทยอย่างไร ต่อรูปคดีที่ออกมาหลายครั้ง ศาลยืนยันว่า พระท่านบริสุทธิ์ ไร้มลทินทางพระธรรมวินัย แต่ถูกใช้กฎหมายอาญามาฟ้องร้องเอาผิด ในฐานะ "เจ้าพนักงานของรัฐ"

 

 

การเข้าวัดปากน้ำทำบุญของพงศ์พร จึงเหมือนกับการหนีอบายภูมิที่เคยอยู่ พยายามข้ามไปในสุคติภูมิ อันมีวัดปากน้ำและสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เสมือนดำรงอยู่ในฐานะ "ประธาน" สุคติภูมินั้น เพราะท่านมีอาวุโสสูงสุดในบรรดาพระสงฆ์ไทย เคยดำรงตำแหน่งในเวลาเกิดคดีเงินทอนวัด แถมคดีเหล่านี้ยังกระทบถึงเกียรติคุณของหลวงปู่สมเด็จช่วง ส่งผลให้ท่าน "ร่วง" ไม่ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช จะเพราะผลงานของใคร หนึ่งในนั้นถ้ามิใช่..พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ปฏิเสธอย่างไรก็คงไม่ทันแล้ว ประวัติศาสตร์ศาสนาจะบันทึกไปอีก 1,000 ปี ชั่วลูกชั่วหลาน ตามหลักการ "สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา"

 

 

นี่แปลว่า กรรมนี้หนักเกินไป สุดวิสัยที่ใครจะช่วย เหมือนพระเจ้าอชาติศัตรูเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า เพื่อขอขมาในกรณีใช้พระราชอำนาจประทุษร้ายตามคำขอของพระเทวทัต คล้อยหลังไป พระพุทธองค์ทรงพยากรณ์ว่า "เสียดาย ที่ทรงทำอนันตริยกรรมฆ่าพ่อไปก่อนแล้ว ไม่สามารถบรรลุธรรมได้ในชาตินี้ ห้ามสวรรค์ห้ามนิพพาน กรรมนี้หนักเกินแก้ แม้แต่พระตถาคตเจ้าเองก็ช่วยไม่ได้" จึงเกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติว่า วันที่พงศ์พรเข้าไปร่วมงานบุญวันเกิดสมเด็จวัดปากน้ำนั้น ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษา "ยกฟ้อง" พระครูชนแดน ซึ่งถูกพงศ์พรฟ้องร้อง เท่ากับศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า ท่านพระครูถูกกระบวนการ "อยุติธรรม" จากรัฐ กลั่นแกล้ง-ทำร้าย-ทำลาย อย่างไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ในยุคนี้ ไม่ต่างจากกรณีพระพิมลธรรม ในยุคจอมพลผ้าขาวม้าแดง คนดีที่เห็นต่าง ต้องถูกกำจัดออกนอกเส้นทางไป ไม่เว้นแม้แต่พระสงฆ์องค์เณร อย่างนั้นหรือ ?

 

 

ดูเหมือนว่า พงศ์พรยังไปไม่ถูกวัด หรือยังไปไม่ครบวัด ทางที่ถูกที่ควรนั้น พงศ์พรควรจะเดินสายแก้กรรม ตั้งแต่วัดสระเกศ วัดสามพระยา วัดสัมพันธวงศ์ วัดลาดแค เพชรบูรณ์ ฯลฯ เพราะทำกรรมไว้มากมาย จะไปเพียงวัดปากน้ำวัดเดียวคงไม่พ้นเคราะห์กรรม ลำพังเสียงอวยพรในวัดปากน้ำ คงไม่สามารถกลับเสียง "ชะยันโต" ของพระเณรทั่วประเทศได้ นะ ด้วยความปรารถนาดี

 

 

ภาพ "ณรงค์-พงศ์พร" ในงานบุญวันเกิดของสมเด็จวัดปากน้ำวันนี้ น่าจะเป็นภาพแห่งความยินดีปรีดา แต่กลับกลายเป็นภาพน่าเศร้าสลดใจไปอย่างช่วยไม่ได้ ศาลอุทธรณ์ไม่น่าจะพิพากษาในวันนี้ และไม่น่าจะพิพากษาออกมาแบบนี้เลย แบบนี้พงศ์พรก็นอนไม่หลับซีคะ "มาดามขนิษฐา" เห็นท่าต้องไปอินเดียอีกรอบแล้วล่ะ นั่งสมาธิใต้พระศรีมหาโพธิ์น่าจะช่วยได้มากกว่าไปทำบุญวัดปากน้ำ เพราะมิจฉาทิฐินั้นต้องแก้ด้วยการเจริญจิตภาวนา หาใช่ด้วยการทำสังฆทานไม่ แต่ไปครั้งนี้ต้องออกค่าตั๋วเครื่องบินเองนะ คงจะเบิกเงินหลวงเหมือนครั้งแรกไม่ได้แล้วล่ะ

 

 

 

 










 

 

สงสัย ใครหนอเคยเห็นหน้า

 

คลับคล้าย คลับคลา เขาหน้าผิดไป ฯลฯ

 

 

 

 

ที่มา : สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ-วัดปากน้ำ : 26  สิงหาคม 2563

 

 

 

 

WWW.ALITTLEBUDDHA.COM WAT THAI LAS VEGAS 2920 MCLEOD DRIVE LAS VEGAS NEVADA 89121  U.S.A.  PHONE. 702-384-2264