ผลัดไม้ 3 หมู่บ้านศีลห้า
เจ้าคุณพิมพ์ส่งไม้ต่อเจ้าคุณแย้ม
อวยพร..ขอให้ไปจนถึงดวงดาว
สามประธานโครงการหมู่บ้านศีลห้า
(บน) สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) วัดปากน้ำ กทม. (ล่างซ้าย) พระพรหมเสนาบดี (พิมพ์ ญาณวีโร) วัดปทุมคงคา กทม. (ล่างขวา) พระเทพศาสนาภิบาล (แย้ม กิตฺตินฺธโร) วัดไร่ขิง นครปฐม
อา..โครงการหมู่บ้านศีลห้านั้น ทราบว่าเริ่มมาตั้งแต่ปี 2557 โดยเจ้าคุณพิมพ์ สมัยดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะภาค 7 ในวันที่ 7 พฤษภาคม 2557 ได้เดินทางไปยังจังหวัดลำพูน พบว่า ที่ตำบลนาทราย อำเภอลี้ ซึ่งมีวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ของครูบาวงศ์ ศิษย์เอกของครูบาศรีวิไชย นักบุญแห่งลานนาไทย เป็นศูนย์กลางนั้น มีหมู่บ้านจำนวน 10 หมู่บ้าน มีประชากรเรือนหมื่น คนทั้งตำบลมีกติกาประหลาด คือ ไม่กินเนื้อสัตว์ ไม่ดื่มสุราและยาเสพติดทุกชนิด ส่งผลให้ชุมชนใหญ่แห่งนี้ ไม่มีอาชญากรรม ทุกครอบครัวเรือนต้องเข้าวัดในทุกวันพระ ถือวันพระเป็นวันหยุดงาน ไม่ใช่วันอาทิตย์ตามที่ทางราชการกำหนด นับเป็นเรื่องแปลกของประเทศไทยที่ไม่หยุดวันอาทิตย์ แต่หยุดวันพระแทน
เจ้าคุณพิมพ์จึงนำเรื่องหมู่บ้านชาวเขาเหล่านั้นไปเรียน "สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์-ช่วง" วัดปากน้ำ ในฐานะเจ้าคณะใหญ่หนเหนือและประธานคณะผู้ฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ถือเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง สมเด็จช่วงก็รับลูก สั่งตั้งโครงการหมู่บ้านศีลห้าขึ้นมา ให้เจ้าคุณพิมพ์เป็นประธานดำเนินการ ปรากฏว่าได้รับความนิยมมาก เพราะช่วงนั้นเป็น "ขาขึ้น" ของวัดปากน้ำ ใครๆ ก็อยากไปวัดปากน้ำ อยากร่วมงานหมู่บ้านศีลห้า พระสงฆ์ไทยทั่วประเทศเฮกันไปร่วมงานนี้ เพราะมีรางวัลเป็น "ยศ ทรัพย์ อำนาจ" รออยู่ตรงหน้า
เจ้าคุณพิมพ์ ต้นคิดนั้น ท่านได้รับปูนบำเหน็จเป็น "เจ้าคณะภาค 7" และเลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระพรหมเสนาบดี รองสมเด็จ ขยับอีกเพียงขั้นเดียวก็สูงสุด คือสมเด็จ กรรมการที่เหลือก็พาเหรดกันติดยศเต็มบ่า ถึงกับมีคำกล่าวว่า สมัยนั้นไม่มีใครรักษาศีล 227 กันแล้ว ทุกคนหันไปรักษาศีลห้ากันหมด เพราะให้ผลตอบแทนทันตาเห็น จะบอกว่าโครงการหมู่บ้านศีลห้า "ป็อปปูล่าร์" มากที่สุด ในรอบร้อยปีของคณะสงฆ์ไทยก็ว่าได้ เพราะกระจายไปทั่วไทยและทั่วโลก แถมยังดึงเอาผลิตภัณฑ์ตำบลเข้ามาร่วม เหมือนสินค้าโอท็อป ทั้งช็อปทั้งรักษาศีลห้า แบบว่าได้ครบเครื่อง มีแม้กระทั่ง "นางรำ" จัดถวายประธานทุกนัด ไม่ต่างจากช้างเหยียบนา พระยาเหยียบเมือง
ต้นปี 2560 สมเด็จช่วงหมดอำนาจ เพราะรัฐบาลแก้ พรบ.คณะสงฆ์ เพื่อยกสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (อัมพร อมฺพโร) วัดราชบพิธ ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชแทน ต่อมาก็มีข่าวว่า สมเด็จวัดปากน้ำเอาโครงการหมู่บ้านศีลห้าไปถวายสังฆราชๆ ก็ถวายกลับคืน สมเด็จวัดปากน้ำจึงตั้งให้ "เจ้าคุณพิมพ์" เป็นประธานขับเคลื่อน ซึ่งก็ขับรถคันนี้มาเรื่อยๆ จนกระทั่งวันนี้ มีข่าวว่า "เจ้าคุณพิมพ์ขอลาออกจากตำแหน่งประธานขับเคลื่อนโครงการหมู่บ้านศีลห้า สาเหตุก็คือ อายุมาก เหนื่อย และมีตำแหน่งเป็นกรรมการ มส. จึงขอลาออก"
ฟังดูก็เหมือนจริง แต่ความจริงแล้ว ก็เห็นกันอยู่ว่า สมเด็จช่วงนั้น เวลานี้ไม่มีอำนาจวาสนา เพราะใจร้อนไปลาออกจากตำแหน่งเจ้าคณะใหญ่หนเหนือเสียก่อน แถมยังพลาดจากตำแหน่งพระสังฆราชอีก หลังสุดก็หลุดจากกรรมการ มส. เหลือตำแหน่งสุดท้ายคือ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ เท่านั้น
ทีนี้ว่า เมื่อโครงการหมู่บ้านศีลห้าเป็นของสมเด็จวัดปากน้ำ แต่เมื่อสมเด็จวัดปากน้ำไม่มีอำนาจให้คุณให้โทษแก่ใคร ถามว่า ใครอยากจะไปช่วยงานวัดปากน้ำ ไปวัดราชบพิธหรือวัดยานนาวาไม่ดีกว่าหรือ ? ใครๆ ก็อยากไปทางด่วนกันทั้งนั้น
อย่าลืมว่า การทำงานในระบบข้าราชการคณะสงฆ์นั้น ต้องมีอำนาจ ไม่งั้นไม่มีใครรับสนองบัญชา เพราะว่าให้คุณให้โทษไม่ได้
นี่คือการเมืองในคณะสงฆ์ไทย มาเพราะการเมืองก็ไปเพราะการเมือง เป็นเรื่องธรรมดา เจ้าคุณพิมพ์ก็เช่นกัน จะดันทุรังทำหมู่บ้านศีลห้าไปทำไมอีก ในเมื่อผู้ใหญ่ในมหาเถรสมาคมไม่มีใครเขาเอาด้วย แม้จะพยายามเอาโครงการไปเป็นของมหาเถรสมาคม แต่ฝ่ายธรรมยุตเขาไม่เล่นด้วย ทุกวันนี้ธรรมยุตเขามีโครงการตั้งโรงทานช่วยโควิด ตามดำริสมเด็จพระสังฆราช และต่อยอดด้วยโครงการปลูกผักสวนครัว ดึงเอาคีย์แมนในสายมหานิกายไปร่วมอย่างหลากหลาย ไม่เว้นแม้แต่เจ้าคุณแย้มเอง
จากเอกสารข้างต้นนี้ ชี้ให้เห็นว่า ในบรรดาพระเจ้าคุณที่เข้าไปเป็นกรรมการหมู่บ้านศีลห้านั้น มีเจ้าคุณพิมพ์เป็นหัวหน้า รองลงมาก็คือเจ้าคุณแวว (พระเทพรัตนากร) เจ้าคณะจังหวัดอยุธยา มีเจ้าคุณประเทือง (พระเทพเสนาบดี) เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี เป็นอันดับ 3 ส่วนเจ้าคุณแย้ม วัดไร่ขิงนั้น อยู่ในอันดับที่ 4 แต่ว่าวันนี้กลับกระโดดขึ้นไปเป็นอันดับหนึ่ง หักปากกาเซียนสะอื้นเลย
ตรงนี้มันน่าฉงน เพราะถ้าเป็นสมัยสมเด็จช่วงยังเรืองอำนาจ ก็แทบจะแย่งกันเป็นประธานและกรรมการหมู่บ้านศีลห้า เพราะอะไรก็ขี้เกียจจะพูด แต่ครั้นวันนี้ วันที่สมเด็จวัดปากน้ำสิ้นอำนาจวาสนาแล้ว จึงไม่มีใครแย่งกันเป็นอีกต่อไป ดังนั้น การที่เจ้าคุณแย้มได้ตำแหน่งมา จึงถือว่าเป็นความยินยอมพร้อมใจของทุกฝ่าย ไม่มีใครอิจฉา แต่น่าจะเป็นทุกขลาภด้วยซ้ำไป
เจ้าคุณแย้มเสี่ยงบารมี
ปัญหาจึงมีว่า เจ้าคุณแย้มรับตำแหน่งไปทำไม ในเมื่อมันไม่มีผลต่ออนาคต ? ตอบแบบฝรั่งก็น่าจะเป็นว่า The show must go on คือต้องเดินกันต่อไป เพราะไหนๆ ก็ร่วมงานด้วยกันมานาน จะทิ้งกันกลางคันมันก็กระไรอยู่ หนังชีวิตจึงต้องดูกันยาว ว่าใครเพื่อนกิน ใครเพื่อนตาย และใครที่เพื่อนยังไม่ตายก็ทรยศแทงกันข้างหลัง มันมีให้เห็นทุกยุคสมัย
ส่วนหนึ่งก็เชื่อว่า น่าจะมาจากความเกรงใจในผู้ใหญ่ และไหนๆ ก็ไหนๆ ในเมื่อก็ได้ร่วมหัวจมท้ายมาด้วยกันแล้ว เมื่อไม่มีใครเอา เจ้าคุณแย้มจึงขออาสาออกศึกครั้งนี้เอง ถึงจะตายก็คงไม่เสียดายชีวิต เพราะที่ได้มาทุกวันนี้ก็เหลือเฟือแล้ว
สาเหตุหนึ่ง ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นแรงดลใจให้ "เจ้าคุณแย้ม" รับตำแหน่งสืบต่อจากเจ้าคุณพิมพ์ ก็คือ ได้แนวทางการทำงานมาจาก "หลวงพ่อปัญญา-พระอุบาลีคุณูปมาจารย์" อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ผู้เป็นอาจารย์ ซึ่งสมัยหลวงพ่อปัญญายังครองวัดไร่ขิงอยู่นั้น วัดนี้เป็นที่พึ่งของพระเณรเถรชีทั่วประเทศ โดยเฉพาะพระเณรที่เรียนหนังสือแต่ไม่มีทุนทรัพย์ หมดหนทางไป ถ้าไปวัดไร่ขิงแล้ว ไม่มีคำว่าผิดหวัง และยังเป็นตำนานเล่าขานกันถึงปัจจุบัน
ทีนี้ เมื่อดูโปรไฟล์ของเจ้าคุณแย้มบ้าง ก็จะทราบว่า ท่านเป็นเพียงนักธรรมชั้นเอก และเปรียญธรรม 3 ประโยค ซึ่งก็ถือว่าไม่สูงนักสำหรับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง และตำแหน่งทางการปกครองอื่นๆ
แต่คุณสมบัติก็ยังไม่สำคัญเท่ากับ "ผลงาน" เพราะถ้าสร้างผลงานดี คุณสมบัติจะตกเป็นรองทันที และเจ้าคุณแย้มยังโชคดีมหาศาล เพราะมีตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ซึ่งเป็นวัดที่มีฐานะทางการเงินในระดับประเทศ ถ้าใช้เงินเป็น ก็จะสามารถสร้างงานได้มหาศาล อยู่ที่ว่าจะกล้าหรือไม่เท่านั้น โบราณว่า ฆ่าช้าง อย่าเสียดายเกลือ
หลายปีที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่า เจ้าคุณแย้ม เดินตามรอยหลวงพ่อปัญญา เปิดวัดไร่ขิงให้เป็นสถานที่อบรมสัมมนา รองรับงานคณะสงฆ์ระดับประเทศ อย่างต่อเนื่อง แบบว่าถ้าพระมหานิกายไม่สะดวกใจไปพุทธมณฑล ก็นิมนต์ไปวัดไร่ขิงแทน ประมาณนั้น
แนวนโยบาย "หลวงพ่อมีแต่ให้" ของเจ้าคุณแย้มนี่แหละ ที่ถือว่ามาถูกทาง เพราะคณะสงฆ์ในยุคปัจจุบัน ล้วนมีปัญหาว่าด้วยการเงิน เงินหลวงถูกตัด เงินวัดถูกดอง จะหาวัดใหญ่ใจป้ำเหมือนวัดไร่ขิงก็มีไม่มาก ถ้าเทียบกับวัดโสธรแล้ว หลวงพ่อไร่ขิงก็คงตัวเล็กว่าเหมือนเด็กกับผู้ใหญ่ แต่ภาพที่ปรากฏกลับกลายเป็นว่า วัดไร่ขิงถึงตัวจะเล็ก แต่ใจใหญ่กว่าวัดโสธร มันก็ไม่แน่เสมอไปว่าใครจะใหญ่กว่าใคร เพราะถ้ามีแต่ไม่ใช้ ก็เท่ากับว่าไม่มี
ผลงานที่ผ่านมา การันตีได้ว่า วัดไร่ขิงสนองงานคณะสงฆ์ได้ยอดเยี่ยม ไม่มีบกพร่อง มีแต่เหลือกับเหลือ แต่ก็ดังว่า ตำแหน่งประธานโครงการหมู่บ้านศีลห้านั้น แรกนั้นสมเด็จช่วงท่านเป็นเอง ต่อมาก็ยกให้เจ้าคุณพิมพ์ รองสมเด็จฯ ครั้นวันนี้ ตกมาถึงเจ้าคุณแย้ม แค่ชั้นเทพ มันย่อมมองเห็นถึงความ "ถดถอย" ของโครงการ อย่างเห็นได้ชัด ถึงเจ้าคุณแย้มจะทุ่มสุดตัว ก็ใช่ว่าจะเข็นให้วิ่งฉลุยเหมือนปี 57-60 ได้เหมือนเดิมไม่
เจ้าคุณแย้มจึงต้องทำใจ เหมือนรับโครงการไว้เป็นที่จอดหลบมรสุม รอวันหาโกดังเก็บระยะยาว เพราะถ้าพ้นมือเจ้าคุณแย้มไปแล้ว คงเหลือเพียง "พระครู" กระมัง ที่จะรับเป็นประธานโครงการหมู่บ้านศีลห้า
ตำแหน่งใหม่ของเจ้าคุณแย้ม จึงถือว่า "ท้าทายความสามารถ" เป็นอย่างยิ่ง ถึงจะตั้งใจดี หรือมีความทุ่มเทเสียสละเพียงใด แต่ในเมื่อผู้ใหญ่ไม่เอาเสียแล้ว มันก็คงแสนเข็ญ เป็นสัจธรรมที่ต้องทำใจ
ตั้งเจ้าคุณแย้มเป็นประธานกรรมการหมู่บ้านศีลห้า
สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ลงนามตั้ง "เจ้าคุณแย้ม" ประธานกรรมการขับเคลื่อนโครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์หมู่บ้านศีล 5
เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2563 สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ที่ปรึกษามหาเถรสมาคม ในฐานะประธานอำนวยการโครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา "หมู่บ้านรักษาศีล 5" ได้ลงนามในประกาศแต่งตั้ง ประธานกรรมการขับเคลื่อนโครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา "หมู่บ้านรักษาศีล 5" (ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี) ส่วนกลาง ระบุว่า
ตามที่ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประธานกรรมการ มส. ทรงมีพระบัญชาแต่งตั้งสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เป็นประธานอำนวยการโครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา "หมู่บ้านรักษาศีล 5" เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 2560 และการดำเนินโครงการฯ ได้ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องนั้น
บัดนี้ ประธานกรรมการขับเคลื่อนโครงการฯ ส่วนกลาง ขอลาออก เป็นเหตุให้ตำแหน่งดังกล่าวว่างลง สมควรแต่งตั้งประธานกรรมการขับเคลื่อนโครงการฯ ส่วนกลางรูปใหม่ อาศัยอำนาจตามความในข้อ 7 (4) แห่งระเบียบ มส. ว่าด้วยการดำเนินงานโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 พ.ศ.2557 จึงแต่งตั้งให้ พระเทพศาสนาภิบาล (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง รองเจ้าคณะ จ.นครปฐม รองประธานกรรมการขับเคลื่อนโครงการฯ ส่วนกลาง ดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการขับเคลื่อนโครงการฯ ส่วนกลาง ตั้งแต่วันที่ 27 มิ.ย.2563 เป็นตันไป
พระพรหมเสนาบดี (พิมพ์ ญาณวีโร) เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคา กรรมการ มส. ในฐานะอดีตประธานกรรมการขับเคลื่อนโครงการฯ ส่วนกลาง กล่าวว่า ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งดังกล่าว และไปเป็นที่ปรึกษาโครงการฯแทน เพราะอายุมากขึ้น ที่สำคัญยังได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯเป็นกรรมการ มส. ทำให้ไม่มีเวลาในการลงพื้นที่ อีกทั้งตนเป็นประธานกรรมการขับเคลื่อนโครงการฯ ส่วนกลาง มา 7 ปีแล้ว ถึงเวลาที่จะเปิดโอกาสให้พระสงฆ์รุ่นใหม่เข้ามาทำงานบ้าง ซึ่งพระเทพศาสนาภิบาล มีความเข้าใจงานหมู่บ้านศีล 5 เป็นอย่างดี
ข่าว : เดลินิวส์ : 4 กรกฎาคม 2563
|
WWW.ALITTLEBUDDHA.COM WAT THAI LAS VEGAS 2920 MCLEOD DRIVE LAS VEGAS NEVADA 89121 U.S.A. PHONE. 702-384-2264 |