ลดงบประมาณสำนักพุทธ ปี 63 !

 

ตัดลงอีก  76 ล้าน

 

หลังเรียกคืนงบไปก่อนหน้า 177 ล้าน

 

 

 

 


 

 

 

 

เอกสาร "วิเคราะห์งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 : ส่วนราชการไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีฯ" ในส่วนของ "สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ" ได้ให้รายละเอียดไว้ว่า

 

 

"ปีงบประมาณ พ.ศ.2563 สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้รับจัดสรรงบประมาณรวมทั้งสิ้น 4,854 ล้าน (สี่พันแปดร้อยห้าสิบสี่ล้านบาท) ลดลงจากปีก่อน (พ.ศ.2562) ไปทั้งสิ้น 76.35 ล้านบาท"

 

 

ก่อนหน้านี้ ในปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ก็มีข่าวว่า รัฐบาลได้ขอให้หน่วยงานของรัฐทั้งหมด "โอนเงินงบประมาณคืนให้แก่รัฐ" เพื่อนำไปใช้ในการจ่ายเยียวยาผู้ได้รับผลประทบจากไวรัสโควิด-19 เป็นงวดที่สอง โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ "ถูกตัดงบประมาณคืนรัฐ" เป็นจำนวน 177 ล้านบาท เมื่อนำเอาไปบวกกับงบประมาณที่ "ลดลง" ในภาพรวมแล้ว ก็จะพบว่า เงินงบประมาณของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติในปีนี้ ถูกตัดลงไปถึง 2 ครั้ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 253 ล้านบาท

 

 

 

 

 

 

 

 

แต่ถ้าดูสถิติงบประมาณของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่ได้รับจากรัฐบาลไทย ย้อนหลังกลับไป 10 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2554 ถึงปี พ.ศ.2563 ก็จะพบว่า ในช่วง 4 ปีหลัง คือตั้งแต่ปี พ.ศ.2560 เป็นต้นมา งบประมาณของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ถูกหั่นลงอย่างต่อเนื่อง จนหลุด 5 พันล้านไปถึง 2 ปีแล้ว และยังมีแนวโน้มจะลดลงอีกเรื่อยๆ สวนทางกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้นทุกปี

 

แน่นอนว่า การลดงบประมาณลงไปนั้น ย่อมจะส่งผลกระทบต่อ "เนื้องาน" ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่ต้องเป็นผู้สนองงานคณะสงฆ์ในทุกด้าน การลดงบประมาณของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติลง ก็คือการลดงบประมาณของพระพุทธศาสนานั่นเอง

 

มีข้อสังเกต/ความเห็นของ PBO ระบุไว้ว่า "กรณีมีการทุจริตเงินทอนวัด ไม่ทราบว่าสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้ดำเนินการไปถึงไหนอย่างไร และมีแนวทางการป้องกันปัญหาในอนาคตอย่างไร"

 

ซึ่งจากข่าวสารทราบได้ว่า ในปี พ.ศ.2561 ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ประกาศระเบียบใหม่ "ให้วัดที่ต้องการเงินอุดหนุนบูรณะวัด" ต้องทำเรื่องผ่านทั้งเจ้าคณะสงฆ์ผู้ปกครองในจังหวัดนั้นๆ และสำนักพุทธฯจังหวัด (พศจ.) จนเรื่องผ่านมาถึง "กองพุทธศาสนสถาน" ในสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติส่วนกลาง จึงจะส่งเรื่องไปยัง "สำนักงบประมาณ" ให้พิจารณา หมายถึงว่า ต่อนี้ไป สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มิได้มีอำนาจในการพิจารณาเงินงบประมาณในส่วนของ "เงินอุดหนุนและบูรณะวัด" อีกต่อไปแล้ว

 

หมายความด้วยว่า เงินงบประมาณในส่วนนี้ "ถูกตัด" ออกจากงบประมาณของสำนักพุทธฯ แม้ไม่ตัด "โครงการอุดหนุนและบูรณะวัด" ทิ้งไป แต่ก็ไม่มีอำนาจพิจารณาอนุมัติเงินอีกแล้ว สำนักพุทธฯ เป็นเพียง "ไปรษณีย์" มีหน้าที่นำเรื่องส่งต่อไปยังสำนักงบประมาณเท่านั้น

 

 

ได้ฟังเช่นนี้แล้ว ก็ดูเหมือนว่า ปัญหาเงินทอนวัดจะหมดไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว

 

แต่..แต่ความจริงแล้ว หาเป็นเช่นนั้นไม่ !

 

 

ที่ว่าไม่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะยังมีปัญหาในส่วนที่เกี่ยวกับพระสงฆ์ที่ถูกสำนักพุทธฯ แจ้งความเอาผิดในหลายข้อหา ซึ่งเมื่อศาลอาญาพิพากษาออกมาแล้ว ไม่ปรากฏว่ามีการทุจริตเงินไปใช้ส่วนตัวแต่อย่างใด แต่ส่วนใหญ่จะเป็นความผิดในข้อหา "สนับสนุนเจ้าพนักงานให้ทุจริต" ซึ่งเป็นความผิดทางด้านกฎหมาย ในทางพระธรรมวินัยแล้ว ยังไม่สามารถวินิจฉัยได้ว่า พระที่ถูกศาลลงโทษและรอลงอาญานั้น ผิดพระวินัยถึงขั้นปาราชิกหรือไม่

 

อีกด้าน มหาเถรสมาคม เมื่อได้รับทราบผลการตัดสินของศาลอาญาแล้ว ก็ยังนิ่งเฉย ไม่ยอมวินิจฉัยว่า "พระที่ถูกศาลอาญาสั่งลงโทษจำคุกและรอลงอาญาไปนั้น รูปไหนต้องอาบัติไหนอย่างไร และรุนแรงถึงกับขาดจากความเป็นพระหรือไม่"

 

เมื่อมหาเถรสมาคมไม่ยอมวินิจฉัยในกรณีเหล่านี้ ก็ทำให้เกิดปัญหาคาราคาซัง ทั้งในด้านตัวบทกฎหมาย พระธรรมวินัย รวมถึงผลระทบต่อพุทธศาสนิกชนในวงกว้าง ย่อมจะเกิดความแตกแยกกัน เพราะบางคนก็เชื่อว่าท่านเหล่านั้นยังคงเป็นพระอยู่อย่างสมบูรณ์ บางคนก็เชื่อว่าท่านเหล่านั้นขาดจากความเป็นพระไปแล้ว

 

แน่นอนว่า ปัญหานี้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ไม่สามารถออกความเห็นได้ เพราะตกเป็น "โจทก์" เป็นผู้โจทย์ฟ้องพระเหล่านั้นเสียเอง แม้จะมีฐานะเป็น "เลขาธิการมหาเถรสมาคม" แต่เมื่อกลายเป็นโจทก์ ก็หมดความชอบธรรมที่จะวินิจฉัยในประเด็นดังกล่าว เหลือก็เพียง "มหาเถรสมาคม" เท่านั้น ที่พูดแล้วผู้คนจะพอฟังบ้าง แต่ถ้าไม่พูด ก็จะกลายเป็นปัญหา กระทบถึงสถานะของมหาเถรสมาคมเสียเอง เพราะมหาเถรสมาคมเป็นประหนึ่ง "ศาลฎีกา" ในทางพระศาสนา ต้องวินิจฉัยให้เด็ดขาด หากไม่ทำหน้าที่ก็ไม่ควรมีมหาเถรสมาคมอีกต่อไป เพราะมีก็เหมือนไม่มี

 

 

 

อะลิตเติ้ลบุ๊ดด่ะ ดอทคอม รายงาน : 16 มิถุนายน 2563

 

 

 

 

WWW.ALITTLEBUDDHA.COM WAT THAI LAS VEGAS 2920 MCLEOD DRIVE LAS VEGAS NEVADA 89121  U.S.A.  PHONE. 702-384-2264