เสือร้องไห้ !

 

 

เจ้าอาวาสวัดเสือซึ้งใจ บิณฑ์ถวายเงิน 2 แสน

 

ปาดน้ำตาท่องยถา

 

"บิณฑ์มาโปรดพระ มิใช่พระโปรดบิณฑ์"

 

 

 

 

 

 

 

เสือร้องไห้

 

 

 

โอ้อนิจจา หรือว่าจะเป็นปกติใหม่ ที่เรียกว่า NEW NORMAL ที่พระกรรมฐานจะต้อง "ดราม่า" แบบว่าบิ๊วอารมณ์ร้องไห้ร้องห่มเมื่อสมอกสมใจได้เงินได้ทอง ผิดกับสมัยก่อนท่านสอนให้ "ไม่ยินดี ไม่ยินร้าย ในลาภสักการะ คือได้ก็สักแต่ว่าได้ เสียก็สักแต่ว่าเสีย อย่าดีใจหรือเสียใจให้ออกหน้า" แต่พระป่าสายหลวงตามหาบัว ณ วันนี้ ท่านมีอารมณ์ใหม่ร้องไห้ขี้มูกโป่ง ให้พรว่า "โยมมาโปรดพระ หาใช่พระโปรดโยมไม่" ฟังแล้วซึ้งใจน้ำตาไหล น่าภูมิใจแทนหลวงตัว ผู้มีศาสนทายาทระดับที่เรียกว่า "อภิชาตศิษย์" เช่นหลังตาจันทร์ เพราะเลียนบทร้องไห้ของหลวงตาบัวได้เนียนมาก

 

 

 

 

 

 

 

ข่าวดังข้ามเวลา "วัดเสือ" บุญ หรือ บาป

กดที่ภาพเพื่อชม

 

 

ย้อนหลังกลับไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้น วัดป่าหลวงตาบัว อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี มีชื่อเสียงระดับโลก เพราะมีเสืออยู่ในวัดมากมาย เปิดเป็นสวนสัตว์เสือ มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมุ่งตรงมาดูเสือ จนได้ชื่อว่า "วัดเสือ" อีกชื่อหนึ่ง ขายตั๋วสำหรับผู้จะเข้าไปถ่ายรูปกับเสือนั้น แพงมหาศาลถึง 5,000 บาท/ต่อหัว ปีหนึ่งๆ วัดเสือหลวงตาบัว มีเงินเข้ามหาศาลถึงกว่า 100 ล้าน (อ่านว่า หนึ่งร้อยล้าน) ยังมินับรายได้ส่วนอื่นอีกมากมายหลายทาง ขึ้นแท่นเป็นวัดรวยเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย

 

 

ตอนนั้น ถึงจะมีคนตั้งคำถามว่า "การที่พระจะมามั่วยุ่งกับสัตว์ป่าเช่นนี้เหมาะสมหรือไม่" กลับได้รับการตอบรับแบบ "เสียงนกเสียงกา" หามีปัญญาชนคนไหนสนใจไตร่ตรองไม่ หนำซ้ำ กลับถูกบรรดาสาวกของหลวงตาบัวออกมาด่าอย่างสาดเสียเทเสีย เพราะเชื่อว่า ถ้าเป็นวัดของพระอรหันต์หลวงตาบัว เจ้าของโครงการบิณฑบาตช่วยชาติแล้ว จะทำอะไรก็ถูกต้องทุกประการ ไม่ต้องไปเปิดพระไตรปิฎกเทียบเคียงให้เสียเวลา อ้างหลวงตาศักดิ์สิทธิ์กว่าพระพุทธเจ้าเสียอีก

 

 

 

 



 

 

 

หลวงเสี่ยจันทร์กำเงินล้านไปมอบให้ทหาร

 

เขียนป้ายเบ้อเร่อ นึกว่ารายการชิงเงินล้านทางทีวี

 

เมื่อพระป่าแสดงความรักชาติศาสน์กษัตริย์

ด้วยการสะสมเงินทองไปช่วยชาติ

เหตุการณ์ประหลาดของพระพุทธศาสนาในประเทศไทย


 

เมื่อมีเงินจนล้นวัดในคราวนั้น หลวงตาจันทร์ ศิษย์เอกหลวงตาบัว ก็สปริงตัวออกจากถ้ำเสือ สะพายย่ามตุงๆ เดินทางไปยัง "อุทยานราชภักดิ์" อำเภอหัวหิน ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งก่อสร้างโดยกองทัพบก มอบเงินร่วมโครงการ "เป็นล้าน" นายทหารแทบจะลงกราบเท้า เพราะนึกไม่ถึงว่า ระดับวัดหลวงตาบัวจะศรัทธาในโครงการของกองทัพถึงระดับนี้ นี่ก็ปิดปากกองทัพไปอีกทางหนึ่ง ยืนยันถึงความยิ่งใหญ่ของหลวงตาบัวและหลวงตาจันทร์ มีอำนาจวาสนาบารมีระดับที่ "ทหารทั้งกองทัพ" ก็ยังต้องเทิดทูนบูชา เพราะมีศรัทธาและเงินเป็นกำลังมหาศาล

 

 

 

 

 

 

ข่าวหลวงตาจันทร์อาละวาดต่อหน้าเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้

กดที่ภาพเพื่อชม

 

 

ในต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2558 เกิดเหตุการณ์สะเทือนใจ เมื่อเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้และฝ่ายปกครองกว่า 100 คน ได้เข้าตรวจค้นวัดป่าหลวงตาบัว หรือวัดเสือ เพราะได้รับแจ้งว่า มีการลักลอบค้าสัตว์ป่า ปรากฏว่านอกจากจะไม่ได้รับการต้อนรับจากพระในวัดแล้ว หลวงตาจันทร์เจ้าอาวาส ก็เข้าไปขัดขวางอาละวาดต่อหน้านักข่าว ยกกรงนกขึ้นทุ่มจนแหลก แถมขึ้นมึงขึ้นกูกับเข้าหน้าที่ ซึ่งเขายังพูดดีๆ ว่า "หลวงพ่อใช้อารมณ์" ปรากฏว่าไม่มีใครกล้าทำอะไรหลวงตาจันทร์ เพราะคงรู้ว่าวัดนี้มีผู้มีอิทธิพลระดับชาติหนุนหลัง ทำอะไรก็ต้องระมัดระวัง เผลอๆ หลุดจากตำแหน่งโดยไม่รู้ตัว

 

 

 

 

 

 

 

ข่าวหลวงตาจันทร์นำพระเณรขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่

กดที่ภาพเพื่อชม

 

 

 

ต่อมาอีก ในต้นเดือนเมษายน 2558 เจ้าหน้าที่กรมอุทยาน-ตำรวจ-ทหาร กว่า 100 นาย ได้นำหมายศาลเข้าตรวจค้นวัดป่าหลวงตาบัว หรือวัดเสือ พบหมีควายมากมายถึง 6 ตัว พบว่าผิดกฎหมายเพราะไม่มีใบอนุญาตครอบครอง จึงต้องยึดของกลาง ปรากฏว่าพระเอกคือ หลวงตาจันทร์ ผันตัวเองเป็น "มาเฟีย" นำพระเณรนับร้อยรูป เข้าขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ถึงกับนั่งขวางหน้ารถ ท้าให้ชน ทับ หรือจับกุม ไม่ยอมให้ขนหมีออกไปอย่างเด็ดขาด ญาติโยมในสายหลวงตาบัวเห็นแล้ว "สาธุ" เลื่อมใสศรัทธายิ่งนัก ท่านทำถูกแล้ว เพราะท่านเก่ง มีฤทธิ์สยบเสือได้ ส่วนพระผู้ใหญ่ในสายหลวงตาบัวเงียบกริบ ไม่มีใครกล้าออกมาเตือนสติหลวงตาจันทร์ ซึ่งเป็นถึงเจ้าคุณในราชทินนาม..พระวิสุทธิสารเถร ปล่อยให้สังคมไทยแตกแยกกันต่อไป บ้างว่าท่านน่าจะขาดจากความเป็นพระ เพราะปฏิบัติตนไม่สมกับสมณสารูป บ้างก็ว่าท่านทำถูก เพราะเป็นศิษย์พระอริยะหลวงตาบัว ขนาดหลวงตาบัวผู้เป็นอาจารย์ยังเคยขึ้นธรรมาสน์ร้องไห้ขี้มูกโป่งเลย ท่านแสดงทางกายเท่านั้น จิตใจท่านหลุดพ้นแล้ว

 

 

 

 

 

 

 

ข่าวหลวงตาจันทร์ถูกเสือตะปบ (กดที่ภาพเพื่อชม)

 

 

และแล้ววาระสุดท้ายของหลวงตาจันทร์ก็มาถึง ตกวันที่ 24 พฤษภาคม 2558 มีข่าวว่า หลวงตาจันทร์ เจ้าอาวาสวัดเสือหลวงตาบัว พลาดถูกเสือตะปบ อาการสาหัส ศิษย์รีบนำส่งโรงพยาบาล ตามมาด้วยปฏิบัติการ "กวาดล้างวัดเสือหลวงตาบัว ยึดเสือและสัตว์ป่าคุ้มครองไปเกลี้ยง" เจ้าหน้าที่พบซากเสือและตะกรุดหนังเสือในวัดเป็นจำนวนมาก แสดงให้เห็นว่ามีการฆ่าและค้าเสือจริง

 

 

 

 

 

 

 

หลังจากนั้น วัดเสือ หรือวัดหลวงตาบัว วัดท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของประเทศไทย ก็แทบจะกลายเป็นวัดร้าง เพราะเมื่อไม่มีเสือก็ไม่มีใครสนใจจะไปเที่ยว ส่งผลให้สัตว์อื่นๆ เช่น วัว เป็นต้น ต้องอดอยากจนซูบผอม ผู้คนเห็นก็เวทนาต้องประกาศหาหญ้าไปเลี้ยงสัตว์ เพราะดูแล้ว วัดคงไม่มีกำลังจะดูแล จึงปล่อยให้ผอมโซจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก

 

 

 

 

 

 

 

ข่าวหลวงตาจันทร์ร้องไห้ต่อหน้าพระเอกบิณฑ์ (กดที่ภาพเพื่อชม)

 

 

 

หลวงตาจันทร์เจ้าอาวาสวัดเสือนั้น นับว่ามีบารมีสมชื่อ เพราะไม่ถูกดำเนินคดีอะไรเลย ยังคงลอยนวลอยู่เหนือกฎหมายมาจนบัดนี้ วันที่มีข่าวว่า บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ พระเอกใจบุญ ได้เดินทางไปยังวัดหลวงตาบัว เพื่อร่วมทำบุญ

 

 

แต่กลับปรากฏว่า หลวงตาจันทร์เจ้าอาวาส เมื่อทราบว่า "บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์" จะถวายเงินมากมายถึง 200,000 บาท ก็ถึงกับร้องไห้ ซาบซึ้งในน้ำใจของพระเอกหนัง ถึงกับกล่าวว่า "บิณฑ์มาโปรดพระ มิใช่พระโปรดบิณฑ์" ซึ่งบิณฑ์เองก็คงจะงงๆ เพราะเกิดมาอายุปูนนี้ ทำบุญมาก็แทบจะทั่วเมืองไทย เคยเห็นพระดีใจที่ได้รับการถวายบ้างก็ถือว่าธรรดมา แต่ว่าพระร้องไห้นั้นยังไม่เคยเห็น นี้ถ้าบิณฑ์ตัดสินใจถวายหนักซัก 5 แสน หลวงตาจันทร์อาจจะขอกราบบิณฑ์เสียเอง

 

 

เมื่อเทียบกับภาพและพฤติกรรมของ "หลวงตาจันทร์" ในอดีต ยามรุ่งเรือง ก็เห็นว่า ทิฐิมานะ ยโสโอหัง อวดร่ำรวยเงินทอง ละไม่เกรงกลัวกฎหมาย ท้าทายเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ถึงคราววิบัติ จากเสือก็กลายพันธุ์เป็นแมว ร้องไห้ดีใจกับเงินแค่ 2 แสน ทั้งๆ ที่ตนเคยผ่านเงินนับร้อยๆ ล้านมาแล้ว

 

 

ปรากฏการณ์ที่เห็นนี้ ชี้ชัดว่า วัดป่าในสายพระกรรมฐานของหลวงตามหาบัวเอง ก็มีปัญหาระดับ "เหนือกฎหมาย" ไม่ต่างไปจากวัดพระธรรมกาย ซึ่งมองมุมหนึ่งก็เห็นว่าทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติศาสนา แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่งก็สุ่มเสี่ยงจะกลายเป็น "ผู้ทำผิดกฎหมาย" เสียเอง สุดแต่ว่าคุณจะอยู่ฝ่ายไหนในสังคมไทย ถ้าอยู่ในฝ่ายรัฐบาลก็จะได้รับการคุ้มครองอย่างปลอดภัย แต่ถ้าอยู่ในฝ่ายตรงกันข้ามกับรัฐบาล ก็อาจจะถูกล้มล้างอย่างไม่เป็นธรรม ดังพระไทยหลายรูปต้องคดีอยู่ในเวลานี้

 

 

 

 

 

พระถึงกับให้พรทั้งน้ำตา บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ เข้าช่วยเหลือนำเงิน 2 แสน มาถวายวัด

 

เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 2563 บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ดาราจิตอาสา พร้อมคณะ ได้เดินทางมายังวัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เพื่อถวายสิ่งของช่วยเหลือพระสงฆ์และชาวบ้าน ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด โดยบิณฑ์ได้พูดคุยกับรักษาการเจ้าอาวาสวัดป่าหลวงตาบัว ถึงปัญหาที่ต้องเจอตอนนี้ภายในวัด เนื่องจากไม่มีญาติโยมเข้ามาทำบุญ หลังเจอสถานการณ์โควิด

 

โดยทางรักษาการเจ้าอาวาส เผยว่า เมื่อก่อนมีชาวบ้านและนักท่องเที่ยวเข้ามาทำบุญ แต่พอโควิดระบาด ทำให้ไม่มีคนมาทำบุญ แต่ยังมีรายจ่ายอยู่ โดยวัดต้องจ่ายค่าไฟฟ้า แม้ได้รับส่วนลดแล้ว เดือนละ 4.5 หมื่นบาท  ทำให้บิณฑ์ได้หยิบเงินในกระเป๋าปึกใหญ่ 2 แสนบาทมาถวายให้วัดเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย เมื่อรักษาการเจ้าอาวาสเห็นเช่นนั้นถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่และร่ำไห้ออกมา พร้อมระบุว่า บิณฑ์มาโปรดพระ ไม่ใช่พระมาโปรดบิณฑ์ พูดอะไรไม่ออกแล้ว ขอให้พร เพราะบิณฑ์เหมือนมาโปรดพระ ขอให้เจริญ โดยระหว่างให้พร รักษาการเจ้าอาวาสยังคงกลั้นน้ำตาไม่อยู่และร่ำไห้ออกมา ทำให้บิณฑ์ที่นั่งรับพรอยู่ร่ำไห้ ออกมาด้วยเช่นกัน ถือเป็นน้ำตาแห่งความปีติ

 

 

 

ภาพ-ข่าว-วีดีโอ : ไทยรัฐ-Tnews-Youtube-: 12 มิถุนายน 2563

 

 

 

 

WWW.ALITTLEBUDDHA.COM WAT THAI LAS VEGAS 2920 MCLEOD DRIVE LAS VEGAS NEVADA 89121  U.S.A.  PHONE. 702-384-2264