ผ่าน หรือ ไม่ผ่าน ?

 

 

ณรงค์ ทรงอารมณ์ ถามลูกน้อง

 

สมรรถภาพของผมเป็นไงบ้าง ?

 

 

 

 

อา..แต่ถ้าจะถาม "พระภิกษุสามเณร" ทั่วประเทศ หรือทั่วโลกเลย อะลิตเติ้ลบุ๊ดด่ะ ในฐานะผู้ได้สดับเสียงจากรายการ "THAILAND'S GOT TALENT" ได้คำตอบว่า

 

 

ณรงค์ คุณ..ยังไม่ผ่าน

 

 

 

ถามว่าทำไมไม่ผ่าน ก็มีเหตุผลมากมายหลายประการ อาทิเช่น

 

 

 

 


 

 

 

ปากไม่อคติ แต่พฤติกรรมไม่เท่ากัน

 

 

1. ไม่โปร่งใส มีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในคดีเงินทอนวัด ซึ่งมีหลักฐานว่า วัดที่ได้รับเงินอุดหนุนโรงเรียนพระปริยัติธรรมมีจำนวน 10 วัดด้วยกัน แต่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เลือกที่จะเล่นงานเฉพาะพระที่ตัวเองไม่ชอบ ไม่เลื่อมใส ได้แก่ วัดสามพระยาและวัดสัมพันธวงศ์ เท่านั้น ขณะที่วัดอื่นๆ ไม่ถูกฟ้อง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

หนำซ้ำ รัฐบาลยังให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ไล่ล่า พระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) ที่ถูกรัฐบาลตั้งข้อหาไปถึงประเทศเยอรมนี ทั้งๆ ที่เป็นรัฐบาลพุทธ ตัวนายกรัฐมนตรี ผอ.พศ. และ ผบ.ตร. ก็ประกาศว่า ตนเองเป็นชาวพุทธฯ แต่พฤติกรรมการกระทำนั้นเหมือนมิใช่ชาวพุทธทำ (ย้ำ ชาวพุทธแท้ไม่ทำเยี่ยงนี้แน่นอน) เพราะไม่เคยมีปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ ที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะบินตามไล่ล่าพระไปจนสุดขอบฟ้าเหมือนฆ่าคนตายเป็นล้าน ขณะที่ นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ตัวเอ้ในคดีเงินทอนวัดนั้น ถึงปัจจุบันก็ยังไม่เห็นรัฐบาลไทยส่งใครไปไล่จับที่สหรัฐอเมริกา ถ้าจะอ้างว่าไปไม่ถูกก็ไม่เห็นยาก นิมนต์สมเด็จพระวันรัต วัดบวรนิเวศวิหาร ให้ท่านนำทางไป รับรองว่าคุณนพรัตน์นิมนต์ไปฉันเพลที่บ้าน แต่ถามว่าเหตุใดไม่ไป นายนพรัตน์เป็นพ่อของประยุทธ์หรือไร ผบ.ตร. จึงเกรงใจ ไม่บินไปจับ มันเป็นภาพอัปลักษณ์น่าอดสูใจเป็นที่สุด รัฐบาลประยุทธ์ทำกรรมหนักระดับอนันตริยกรรมเสียแล้ว

 

 

2. การโอนเงินงบประมาณของสำนักพุทธ ในส่วนของเงินอุดหนุนบูรณะปฏิสังขรณ์วัด กลับไปให้แก่สำนักงบประมาณพิจารณาอนุมัติ ผ่านกรรมาธิการศาสนา ถือว่าเป็นการตัดทอนงบประมาณของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติลง ซึ่งถือว่าผิดมหาศาล เพราะตามหลักการแล้ว ผู้บริหารทุกองค์กร ต้องพยายามดึงงบประมาณมาเพิ่มในองค์กรของตน เพื่อสร้างงานและผลงานให้มากขึ้น มีแต่สำนักพุทธฯนี่แหละที่ตัดแขนตัดขาตัวเอง ไม่มีใครเขาทำกัน พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ จึงไม่ถือว่าเป็นผู้บริหารที่ดี วันนี้ ผลกรรมจึงตกแก่ ณรงค์ ทรงอารมณ์ ซึ่งเข้ามาบริหารในขณะที่เงินแทบไม่เหลือติดกระเป๋าแล้ว ต้องออกนโยบายให้เจ้าหน้าที่สำนักพุทธปลูกผักสวนครัว เพื่อเสริมสภาพคล่องในครัวเรือนซึ่งอดมื้อกินมื้อ นี่หรือคือผู้นำของเราชาวพุทธ เอาไปขายตลาดไหนจะขายออกไหมเนี่ย ผู้ชายแบบ "ณรงค์-พงศ์พร" นี้ไม่มีกึ๋น อย่าเอาทำผัวเลย ไม่เจริญหรอก เชื่อแม่เถอะอีหนู

 

 

 

 

 

 

 

เสือ-รงค์ จอมล้วงย่ามพระ

 

 

3. พอเกิดไวรัสโควิด-19 ขึ้นมา ปรากฏว่าเงินอุดหนุนวัดหายไปหมดแล้ว จึงหันไปล้วงย่ามพระ ประกาศจะหักเงินค่าอาหาร (นิตยภัต) พระสังฆาธิการทั่วประเทศ เป็นเวลา 2 เดือน ไปช่วยพระ ครั้นพระสังฆาธิการบอกว่า "พระยังไม่ได้เห็นชอบ" กลัวจะโดนฟ้องในข้อหาทุจริต ก็เลยหันไปดึงเงินในกองทุน "วัดช่วยวัด" ไปแจกพระเณรเอาหน้า แบบว่าไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ก็เอาด้วยคาถา ณรงค์ ทรงอารมณ์ เลยได้ฉายา  "ไอ้เสือรงค์" มาตั้งแต่บัดนั้น

 

 

4. ส่งเงินบริหารสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ คืนรัฐบาลไปเป็นจำนวน 177 ล้านบาท กลับคืนให้รัฐบาลเอาไปใช้เยียวยาในหน่วยงานอื่น ขณะที่สำนักพุทธขอเงินค่าอาหารมาเยียวยาพระสงฆ์ได้รูปละ 60 บาทเท่านั้น นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาบอกว่า "ไม่เพียงพอ อย่างน้อยต้องรูปละ 100 บาท จึงจะเหมาะสม" ก็ไม่รู้ว่าที่บ้านณรงค์กินข้าวกับอะไร ราคาจึงออกมาวันละ 60 บาท ตกมื้อละ 30 บาท

 

 

นั่นแสดงเห็นว่า นอกจากจะไม่แสวงหางบประมาณมาเพิ่มเติมในส่วนของสำนักพุทธฯ ก็เท่ากับตัดทอนสมรรถภาพของหน่วยงานหรือองค์กรของตนเอง งานเก่าก็หดหาย งานใหม่ก็ไม่เกิด องค์กรก็แคะแกรนเล็กลงเรื่อยๆ เหมือนผู้ชายหัวหน้าครอบครัวที่หากินไม่เป็น ปล่อยให้ลูกเมียต้องอดอยากยากแค้น สุดท้ายก็บ้านแตกสาแหรกขาด ผัวไปทิศ เมียไปทาง เพราะทนอยู่ด้วยไม่ไหว

 

 

สภาพการณ์ที่ปรากฏ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งมีขอบเขตอำนาจเกี่ยวพันถึงกิจการพระพุทธศาสนา ทั้งด้านการปริยัติ ปฏิบัติ และการเผยแผ่ ทั้งในและนอกประเทศ ภายใต้การบริหารของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีที่ปรึกษานามว่า พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ และมี ผอ.สำนักพุทธฯ นามว่า นายณรงค์ ทรงอารมณ์ จึงตกอยู่ในสภาพถดถอย อ่อนแรง ล้าโรย ลงไปเรื่อยๆ ขืนเป็นดังนี้นานๆ รับรองว่า ไม่ตายก็ไม่โต

 

 

ดังนั้น การที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ประชุมเพื่อประเมินประสิทธิภาพขององค์กรเอง และเมื่อนำเอาข้อมูลต่างๆ ที่เห็นประจักษ์ต่อสาธารณะชนมาพิจารณาเทียบเคียงโดยไม่เอียงข้างใคร ก็จะเห็นได้ว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ไร้หรืออ่อนด้อยสมรรถภาพในการบริหารกิจการพระพุทธศาสนา ไม่สามารถจะนำพาพระพุทธศาสนาไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองได้เลย ตราบใดที่ยังไม่แก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นแก่องค์กรในสมัยรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้หมดสิ้นไป แต่คิดว่าน่าจะสายเกินไปเสียแล้ว ผูกเชือกรองเท้าเดินมาไกลปานนี้ จะกลับลำไปทำตรงกันข้าม คนก็จะมองว่า..ประยุทธ์บ้า

 

 

 

 

 

 

 

ณรงค์ ทรงอารมณ์ ประชุมลูกน้องในสำนักพุทธฯ

 

ถามทั้งชายและหญิงว่า สมรรถภาพของผมเป็นอย่างไรบ้าง ?

 

ไม่ต้องแย่งกัน ให้ฝ่ายหญิงกับชายแบ่งกันตอบคำถาม ตามที่เห็น

 

 

 

 

 

 

 

กลุ่มผู้ชายฟันธงว่า

 

"ห่วยแตก ครับนาย ไม่อยากเซ่ด สภาพอย่างงี้ ยังไงก็ไม่ขึ้น"

 

 

 

 

 

 

 

 

กลุ่มผู้หญิงประสานเสียงว่า

 

"บ่มิไก๊ด์ ค่ะ ผอ. ใครๆ ก็รู้"

 

 

แต่ถ้ายังไม่แน่ใจ ก็กลับไปถามเมียที่บ้านดูได้นะคะ

 

พวกหนูว่า..ไม่ผ่าน

 

 

 

 

 

 

 

 

ผลงานอยู่ไหนหว่า อยู่หน้าไหน หรือว่าอยู่...ชาติหน้า

 

 

 

 

วันจันทร์ ที่ 8 มิถุนายน 2563 เวลา 09.00 น. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นายณรงค์ ทรงอารมณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นประธานในการประชุมการตรวจประเมิน เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ครั้งที่ 2/2563 ณ ห้องประชุมชั้น 3 อาคารสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หลังที่ 2

 

สืบเนื่องจากการประชุมครั้งที่ 1/2563 ที่ประชุมมีมติให้คณะกรรมการและหน่วยงานที่ได้รับมอบหมาย ศึกษาหลักเกณฑ์การประเมินเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (ส่วนกลาง) และหลักเกณฑ์การประเมินเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (ส่วนภูมิภาค) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 และร่วมกันพิจารณาเพื่อหาข้อสรุป

 

 

 

ที่มา : สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ : 9 มิถุนายน 2563

 

 

 

 

WWW.ALITTLEBUDDHA.COM WAT THAI LAS VEGAS 2920 MCLEOD DRIVE LAS VEGAS NEVADA 89121  U.S.A.  PHONE. 702-384-2264