ฮา..ศาลบอกว่า..

 

"จำคุกเจ้าคุณธงชัยและคณะ"

 

ไม่เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติและสังคม

คนฟังงง ตกลงไปจับเขาขังทำไม ?

 

 

 

 

 

 

 

เมื่อศาลยุติธรรม พ่ายแพ้ แก่ความเป็นธรรม

 

 

 

 

อา..ก็ต้องถือว่า "เป็นประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่ง" ของศาลไทย ซึ่งวินิจฉัยว่า แม้ว่าอดีตพระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขโข) อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศ จะถูกรัฐบาลทหาร คสช. ส่งกำลังเจ้าหน้าที่เข้าล้อมจับ ประหนึ่งอาชญากรสงคราม ตามมาด้วยการ "สั่งสึก-คุมขัง" อย่างไร้ข้อต่อสู้ใดๆ ในทางกฎหมาย สุดท้าย เมื่อพิจารณาพยานหลักฐานทั้งหมดแล้ว ก็ไม่พบว่าอดีตเจ้าคุณทั้งหลาย ที่ถูกสำนักพุทธฯ ยุค "พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์" กล่าวหาว่าฟอกเงินนั้น แต่ละท่านฟอกไปไหนอย่างไร และใครได้เงินไปคนละเท่าไหร่ ในเมื่อเอาโทษทางนี้ไม่ได้ ก็หันไปเอาทาง "เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ" โน่น เป็นข้อหาครอบจักรวาลเลย และในเมื่อได้ลงโทษตามประสงค์ของคนฟ้องแล้ว ศาลอาญาก็ทำทีเป็นเมตตา "ให้รอลงอาญา" เป็นเวลาเท่านั้นเท่านี้ แบบว่าผิด แต่ไม่เอาโทษ แต่ก็ไม่ยกโทษ เป็นเรื่องแปลกแต่จริง ถามว่าศาลกลัวอะไร ถ้าจะวินิจฉัยไปตามความจริง ?

 

 

ยังไม่พอ วันนี้ ศาลอาญาเมตตาพิพากษาเพิ่มเติมอีกว่า "การลงโทษจำคุก จำเลยที่ 1-4 และ 7 อาจไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติและสังคม และควรให้โอกาสทำงานเพื่อประเทศชาติและสังคมไทยต่อไป" เล่นเอาตาแตกกันทั้งภูเขาทอง เพราะมองว่า ก็ท่านทำงานของท่านอยู่ดีๆ ก็มีรัฐบาลไทยส่งเจ้าหน้าที่จากดีเอสไอไปฟ้องร้อง จับเขาเข้าคุกเข้าตะราง เหมือนหาเรื่องหาราวเอากับผู้บริสุทธิ์ ยิ่งผ่านกระบวนการทางศาลแล้ว ไม่มีหลักฐานประจักษ์ว่าท่านได้โกงเงินหลวงเอาไปใช้ส่วนตัวอย่างไร ก็ยิ่งน่าสงสัยในพฤติกรรมของรัฐบาลและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติมากยิ่งขึ้น ว่ามีเจตนาจะส่งเสริมหรือว่าทำลาย เพราะศาลอาญาเห็นว่า จำเลยทั้งหมดยังมีคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติและสังคมไทย ไม่ควรจับกุมคุมขังหรือทำลายให้ตายไปจากพระศาสนา หวังว่ารัฐบาลไทยและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จะได้นำเอาคำพิพากษาของศาลมาพิจารณาบทบาทของตนเองอย่างเคร่งครัด

 

 

อย่างไรก็ดี ถ้าถือเอาตามที่ศาลเมตตามานั้น เพื่อจะให้อดีตเจ้าคุณธงชัยและพระวัดสระเกศที่ต้องคดีทั้งหมด (รวมทั้ง เจ้าคุณเอื้อน-เจ้าคุณสมทรง วัดสามพระยา) ได้กลับมาทำคุณประโยชน์ต่อสังคม ก็เห็นควร "คืนสมณเพศและสมณศักดิ์" รวมทั้งตำแหน่งต่างๆ ที่ถูกปลดไปในวันต้องคดีความนั้นด้วย จึงจะถือว่าเป็นการคืนความยุติธรรมอย่างสมบูรณ์

 

 

ซึ่งก็หวังว่า ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบ ทั้งมหาเถรสมาคมและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จะได้ดำเนินการให้เป็นไปตามที่ศาลได้พิจารณาเอาไว้

 

 

ถามบิ๊กตู่กับพงศ์พรว่า ตกลงไปจับพระท่านสึกและคุมขังทำไม ในเมื่อท่านไม่ผิดและที่ทำไปก็ไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและสังคม ซึ่งอาจจะมองได้ด้วยว่า รัฐบาลและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นผู้ทำร้ายประเทศชาติและพระศาสนาเสียเอง

 

 

 

 

 

ศาลปรานีรอลงโทษ อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศและพวก ให้กลับตัวทำประโยชน์ต่อสังคม

 

 

ศาลอาญาคดีทุจริตฯ สั่งจำคุกอดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศ 4 ปี 16 เดือน กับพวก 2 ปี 8 เดือน ผิดฐานฟอกเงินคดีเงินทอนวัด แต่ปรานีให้รอการลงโทษ 2 ปี เพราะไม่เคยถูกจำคุก ให้กลับตัวไปทำประโยชน์แก่สังคม

 

ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง วันที่ 19 พ.ค.63 ศาลนัดอ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำ อท.197/2561 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 2 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายธงชัย สุขโข อดีตพระพรหมสิทธิ หรือ ธงชัย สุขญาโณ อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร, นายบุญทวี คำมา อดีตพระศรีคุณาภรณ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ, นายสมจิตร จันทร์ศรี อดีตพระครูสิริวิหารการ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ, นายเทอด วงศ์ชอุ่ม อดีตพระวิจิตรธรรมาภรณ์ หรือเจ้าคุณเทอด อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ, น.ส.นุชรา สิทธินอก แม่บ้านร่วมรับโอนเงิน 25 ล้านบาท, นายธีระพงศ์ พันธ์ุศรี, นายทวิช สังข์อยู่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับ บริษัท ดีดีทวีคูณ ที่รับผลิตสื่อให้กับวัดสระเกศ และ น.ส.ฑัมม์พร นิพนธ์พิทยา เป็นจำเลยที่ 1-8

 

เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (5),มาตรา 5 (1)(2)(3) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 กรณีร่วมกันฟอกเงิน การทุจริตเงินทอนวัดในส่วนโครงการศูนย์กลางเผยแผ่พระพุทธศาสนาฯ2559 จำนวน 32,500,000 บาทเเละเงินอุดหนุนโครงการอบรมคุณธรรม จริยธรรมสำหรับเด็กและเยาวชน ประชาชนและข้าราชการเพื่อความมั่นคง ของสถาบันชาติศาสนาและพระมหากษัตริย์ฯ 2559 จำนวน 37,200,000 บาท

พิพากษาว่าจำเลยที่ 1-4 และที่ 7 มีความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 5 (2),60 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าพนักงานกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ต้องระวางโทษเป็นสองเท่าการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1-4 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 กระทงละ 4 ปี และปรับกระทงละ 84,000 บาท รวม 2 กระทง จำคุกจำเลยที่ 2 ถึง 4 คนละ 2 ปี และปรับคนละ 42,000 บาทรวมคนละ 2 กระทง จำคุกจำเลยที่ 7 เป็นเวลา 2 ปี และปรับ 40,000 บาท

โดยลดโทษ 1 ใน 3 ให้จำเลยที่ 1-4 และที่ 7 รวมโทษจำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 4 ปี 16 เดือนปรับ 112,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 2-4 คนละ 2 ปี 8 เดือนปรับคนละ 56,000 บาทและจำคุกจำเลยที่ 7 เป็นเวลา 1 ปี 4 เดือนปรับ 28,000 บาท

 

การลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1-4 และที่ 7

อาจไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติและสังคม

 

ทั้งจำเลยที่ 1-4 และที่ 7 ไม่เคยมีประวัติต้องโทษจำคุกมาก่อน เห็นสมควรให้โอกาสจำเลยที่ 1 ถึง 4 และที่ 7 ได้ดำรงตนเป็นบุคลากรที่มีประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติต่อไป จึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนดคนละ 2 ปี และยกฟ้องจำเลยที่ 5 ที่ 6 และที่ 8

 

 

ที่มา : ไทยรัฐ : 20 พฤษภาคม 2563

 

 

 

 

WWW.ALITTLEBUDDHA.COM WAT THAI LAS VEGAS 2920 MCLEOD DRIVE LAS VEGAS NEVADA 89121  U.S.A.  PHONE. 702-384-2264