หัวละ 40 บาท !
เงินเยียวยาสำหรับพระไทยในยุคโควิด ผ่านสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เห็นแล้วอยากร้องไห้แทนพระไทยทั่วประเทศ
รายงานนายกรัฐมนตรี เอาความดีความชอบ !
อา.. ทรัพย์พระสังฆราช 2 ล้าน บวกกับ เงินนิตยภัตของพระสังฆาธิการทั่วประเทศ ซึ่งทั้ง มส. และ พศ. ประสานสองมือ "ล้วงย่ามพระ" ทั่วประเทศ เอาไปใช้ด้วยอำนาจ สามารถนำมาอำนวยความสะดวกแก่พระพุทธศาสนา ในสภาวะวิกฤติได้ถึง 3 ชั้น
ชั้นแรก : ได้แก่ การแจกหน้ากากสังฆราชแบบ "ฝนตกไม่ทั่วฟ้า" เพราะนึกอยากจะแจกวัดไหนก็แจก มิได้แจกทั่วหน้า ซึ่งไม่ทราบว่าจะเป็นการบิดเบือนเจตนาของสมเด็จพระสังฆราชหรือไม่ ? ถ้าว่าไม่ใช่ ก็ขอให้ชี้แจงว่าแจกวัดไหนบ้าง วัดละกี่ชิ้น ?
ชั้นสอง : เงินกองทุน "วัดช่วยวัด" จำนวนมากถึง 24 ล้าน สำนักพุทธฯ นำไปใช้ได้อย่างคุ้มค่า ได้มากมายถึง 2 หมื่นรูป รูปละ 40 บาท เทียบกับชาวบ้านที่ได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาลคนละ 5,000 บาท มันก็คงจะล้นย่ามล้นมือล้นอกล้นใจจนน้ำตาจะไหล เกิดชาติไหนๆ ก็คงจะทดแทนบุญคุณได้ไม่หมดสิ้น เพราะคงจะซื้อข้าวของได้มากมายก่ายกอง กินจนท้องแตกก็คงไม่หมด ณรงค์และพงศ์พร ลองถามเมียดูสิ ว่าเงิน 40 บาทนั้น มันซื้ออะไรได้บ้าง ?
ชั้นสาม : การผันเงิน หรือเปลี่ยนแปลงงบประมาณของ พศ. จากงบอุดหนุนทั่วไป ไปใช้ในโครงการอุดหนุนวัด เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการป้องกันโรค COVID-19 จำนวนถึง 21.36 ล้านบาท
ข้อสุดท้ายนี่แหละ ที่มันค้างคาใจว่า "นี่เป็นการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ (ฟอกเงิน)" และ "เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ" เหมือนกรณีของอดีตเจ้าคุณเอื้อนและเจ้าคุณธงชัยในคดีเงินทอนวัดหรือไม่ ?
เพราะแม้จะไม่ได้เบียดบัง เอาเข้าพกเข้าห่อเข้าบัญชีของตัวเอง แต่การผันเงินงบประมาณเอาตามอำเภอใจ (มิใช่การเริ่มโครงการมาแต่ต้น) ศาลอาญาท่านถือว่า "เป็นการทุจริต" และลงโทษไม่ไว้หน้า วันนี้ สำนักพุทธฯ ยุคสองเกลอ "ณรงค์-พงศ์พร" เป็นใหญ่ คนหนึ่งเป็นหัว คนหนึ่งเป็นตัว กลับเข้าอีหรอบเดียวกับอดีตผู้อำนวยการเก่า ที่ถูกสองเกลอ "กล่าวหาว่าทุจริต" เดินตามก้นเขาเหมือนแม่ปูกับลูกปู ดูท่าจะอยู่ยากเสียแล้ว เสือรงค์-เสือพร เอ๋ย !
พงศ์พร : ณรงค์
สองผู้กุมบังเหียนสำนักพุทธฯ ยุคโควิด-19 ฝีมือเป็นเลิศ น่าจะเอาไปบริหารการบินไทย รับรองว่าแอร์โฮสเตสหุ่นเพรียวลมเป๊ะ เพราะอดข้าวเหมือนพระ ได้ค่าเบี้ยเลี้ยงองค์ละ 40 บาท ต่อวัน
พระพุทธศาสนาในสถานการณ์โควิดวิกฤติจริงๆ แต่วิกฤติเพราะการบริหารจัดการของรัฐบาล และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มิใช่เพราะโรคร้ายแต่อย่างใด
คณะรัฐมนตรี รับทราบ ผลการดำเนินงาน ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
วันนี้ (19 พฤษภาคม 2563) เวลา 09.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งสรุปสาระสำคัญดังนี้
8. เรื่อง พระพุทธศาสนาในสถานการณ์ COVID-19
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินงานตามพระดำริของสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เรื่อง "พระพุทธศาสนาในสถานการณ์ COVID-19" ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เสนอ สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
กิจกรรม/การดำเนินการ และรายละเอียดกิจกรรม/ผล
1. การประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ บท "รตนสูตร" เพื่อความเป็นสวัสดิมงคล สร้างขวัญ และกำลังใจแก่ประชาชน
รัฐบาล และคณะสงฆ์ ได้ดำเนินการทั้งในส่วนกลาง (กรุงเทพมหานคร) และส่วนภูมิภาค ให้มีการเจริญพระพุทธมนต์บท "รตนสูตร" พร้อมกันในวันที่ 25 มีนาคม 2563 โดยส่วนกลางกำหนดจัดที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม วัดบวรนิเวศวิหาร และวัดไตรมิตรวิทยาราม โดยวัดราชบพิธฯ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จลงพระอุโบสถ ทรงเป็นประธานในการเจริญพระพุทธมนต์พร้อมด้วยคณะสงฆ์วัด สำหรับในส่วนภูมิภาคกำหนดจัดในวัดที่แต่ละจังหวัดกำหนด ซึ่งได้จัดให้มีการถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ ผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง NBT และช่อง 9 MCOT HD ในการนี้ พศ. ได้จัดพิมพ์หนังสือสวดมนต์บท "รตนสูตร" จำนวน 10,000 เล่ม สำหรับถวายวัดที่ประกอบพิธีและมอบให้แก่ประชาชนที่สนใจด้วย
2. การรณรงค์สร้างความเชื่อมั่น ให้วัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ ร่วมทำความสะอาด ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
พศ. ดำเนินการประสานความร่วมมือ กับวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อนำร่องการจัดกิจกรรมรณรงค์ ป้องกัน การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 จำนวน 7 วัด ประกอบด้วย 1. วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร 2. วัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร 3. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) 4. วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร 5. วัดปากน้ำภาษีเจริญ 6. วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร 7. วัดระฆังโฆสิตาราม
ในส่วนภูมิภาค ได้มอบหมายให้ พศ. จังหวัด ทุกจังหวัดประสานความร่วมมือกับคณะจิตอาสาในพื้นที่ ร่วมกันทำความสะอาดวัด ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในแต่ละจังหวัด ทั่วประเทศไม่น้อยกว่า 150 วัด
3. สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานกัปปิยภัณฑ์ เพื่อจัดหาหน้ากากอนามัยแจกพระสงฆ์ทั่วประเทศ
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงห่วงใยสุขภาพอนามัยของพระภิกษุสามเณร ตลอดจนประชาชนทั่วไป จึงมีพระบัญชาโปรดให้ไวยาวัจกร จัดกัปปิยภัณฑ์เท่าจำนวน 2 ล้านบาท ประทานเป็นทุนประเดิม สำหรับจัดหาหน้ากากอนามัยที่ได้มาตรฐานถวายแด่พระภิกษุสามเณรทั่วประเทศ
4. จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) (โรงทาน) ตามพระดำริของสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
ศูนย์ช่วยเหลือฯ ได้ประสานภารกิจร่วมกับหน่วยงานและบุคลากรทางการแพทย์และการสาธารณสุข ซึ่งประจำอยู่ในพื้นที่ในการปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดตั้งโรงทาน และการแจกจ่ายให้เป็นไปตามหลักสุขอนามัย โดยต้องไม่มีการจัดพิธีกร พิธีกรรม กิจกรรม หรือการบริหารจัดการใด ๆ ที่ต้องให้บุคคลจำนวนมากมารวมตัวกัน กับทั้งให้ปฏิบัติตามคำสั่ง มาตรการ และคำแนะนำของทางราชการอย่างเคร่งครัด รวมจำนวน 42,186 วัด โรงทาน 804 ศูนย์ (ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม-6 พฤษภาคม 2563)
5. พศ. และองค์กรคณะสงฆ์สนับสนุนงบประมาณช่วยเหลือวัดที่ขาดแคลนและได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
1) โอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณจากงบเงินอุดหนุนทั่วไป โครงการเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายสนับสนุนวัดเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการป้องกันโรค COVID-19 วงเงิน 21.36 ล้านบาท ดังนี้
1.1) อุดหนุนวัดที่เป็นศูนย์กลางระดับจังหวัด ๆ ละ 50,000 บาท รวม 3.80 ล้านบาท และ 1.2) อุดหนุนวัดที่เป็นศูนย์กลางระดับอำเภอๆ ละ 20,000 บาท รวม 17.56 ล้านบาท
2) งบประมาณจากกองทุน "วัดช่วยวัด" พ.ศ.2562 วงเงิน 24 ล้านบาท ได้จัดสรรให้กับวัดและพระภิกษุสามเณร ในลักษณะสมทบรายหัวๆ ละ 40 บาท จำนวน 20,000 รูป (งวดแรก) จากวัดที่ พศ. จังหวัดรายงานและรับรองข้อมูลวัดที่ต้องช่วยเหลือเร่งด่วน
ที่มา : แนวหน้า : 19 พฤษภาคม 2563 |
WWW.ALITTLEBUDDHA.COM WAT THAI LAS VEGAS 2920 MCLEOD DRIVE LAS VEGAS NEVADA 89121 U.S.A. PHONE. 702-384-2264 |