ล็อกดาวน์วิสาขบูชา-ปลดล็อกสุราเมรัย
ผลงานยิ่งใหญ่ของรัฐบาลไทย
สมัยมีนายกฯ ชื่อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา
"เมืองใดไร้ธรรมอำไพ เมืองนั้นบรรลัยแน่นอน" เป็นบทกลอนที่สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงพระนิพนธ์เอาไว้ เป็นเสมือนราชนีติของไทยในยุครัตนโกสินทร์ นอกจากพระคาถาปลุกใจเสือป่าว่าด้วยการ "รักชาติ-ศาสน์-กษัตริย์" อันยกขึ้นเป็นรูปภาพบนธงไตรรงค์ ให้คนไทยยืนตรงเคารพอยู่ทุกเช้าเย็น ก็ยังเป็น "ราชนีติ" ที่คอยสอนและกำกับสติปัญญาของนักการเมืองไทย ให้มีธรรมาภิบาล คือการปกครองบ้านเมืองโดยธรรม ให้บ้านเมืองสงบร่มเย็น
เหนือกว่ากฎหมายหรือบทบัญญัติใดๆ ทั้งในรัฐธรรมนูญ ที่ถูกยกขึ้นมาวินิจฉัยในทุกครั้งที่เกิดปัญหาใหญ่ในบ้านเมือง นั่นก็คือ ความชอบธรรม จึงเห็นได้ว่า คำว่า "ธรรม" จะถูกนำมาอ้างเป็นหลักการสูงสุด และเป็นที่สุดในทุกยุคสมัย
การเข้ามายึดอำนาจการปกครอง ของคณะนายทหารอันนำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 นั้น ก็อ้าง "ความชอบธรรม" คือความระส่ำระสายของบ้านเมือง ภายใต้การบริหารของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นคาถากำกับปลายกระบอกปืนไม่ให้ขัดขืนทั้งกายและใจ จึงอยู่รอดปลอดภัยมาจนทุกวันนี้
ครั้นเกิดไวรัสโคโรน่าจากอู่ฮั่นขึ้นมาเมื่อต้นปี แรกนั้นรัฐบาลไทยก็ทำดี ออกมาตรการมากมาย ทั้งปิดบ้านปิดเมือง ประกาศเคอร์ฟิวส์ โดยเฉพาะก็คือมาตรการเด็ดขาด "ห้ามขายและดื่มสุราเมรัย" เพื่อป้องกันชีวิตและทรัพย์สินของคนไทย แม้ว่าจะมีคนบ้าเพราะอดเหล้า แต่ก็ดีกว่าคนเมาแล้วฆ่ากันตายแถมแพร่เชื้อโรคร้าย
การห้ามขายและดื่มสุราเมรัยในช่วง "ล็อกดาวน์" ที่ผ่านมานั้น ถือว่าเป็นทั้งยุทธวิธีป้องกันโรคร้ายและเป็นการเชิดชู "ศีลธรรม" ครั้งสำคัญและสูงสุดของรัฐบาลประยุทธ์ เด่นกว่าการตั้งสังฆราชและกำราบธัมมชโยด้วยซ้ำไป เพราะนี่คือการนำเอา "ศีลห้า" ข้อสำคัญสูงสุด ให้เข้าไปสู่ประชาชนคนไทย "ทุกครอบครัว" เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของไทยในรอบพันปี ได้ผลดีเป็นมรรคเป็นผลกว่าโครงการหมู่บ้านศีลห้าด้วยซ้ำไป ไม่เคยมีรัฐบาลใดทำได้มาก่อนเลยในประวัติศาสตร์ชาติไทย
นี่คือโอกาสในวิกฤตอันสำคัญสุดยอดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม้ว่าจะหมดอำนาจไปแล้ว ก็ยังสามารถจำไปบอกเล่าให้อนุชนรุ่นหลังได้รับรู้ได้อย่างน่าภาคภูมิใจไปอีกนานนับร้อยปี ประยุทธ์โชคดีมากที่มีโอกาสหลายครั้ง
แต่แล้วสิ่งดีๆ ที่สะสมมาตั้งแต่ต้นก็พลันล้มครืน เมื่อรัฐบาลได้ประกาศ "ปลดล็อก" หรือผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ให้ประชาชนสามารถหายใจได้คล่องขึ้น หลังจากตึงเครียดกันมานาน ไม่ต่างจากติดคุกกันทั้งประเทศ โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกินซึ่งเป็นสิ่งสำคัญของการดำรงชีวิต นี่ก็ได้คะแนนนิยมเพิ่มขึ้นอีกอักโข แบบว่าปิดก็ได้คะแนน เปิดก็คะแนน มีแต่ได้กับได้
แต่ในการปลดล็อกผ่อนคลายในครั้งนี้ สังเกตให้ดีก็จะเห็น "อันตรายร้ายแรง" ซุกซ่อนอยู่ นั่นคือ การปล่อยเสรีให้มีการซื้อขายและดื่มสุราเมรัย ใช้ภาษาง่ายๆ ว่าปล่อยผีขี้เมา แบบว่าขายทั้งอาหารและยาเสพติดไปพร้อมๆ กัน ก็หมดกันกับความชอบธรรมของรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา สู้อุตส่าห์ทำความดีมาเนิ่นนาน แต่มาดีแตกเสียแล้วในวันนี้ วันที่มีมาตรการ "ปลดล็อกสุรา" ก่อน "วิสาขบูชา" เพียง 3 วัน
ก่อนหน้านั้น ในช่วงเข้าพรรษา ก็จะมีสโลแกนกล่อมเกลาให้คนที่ติดเหล้าติดยาได้ทำความดี มีคำว่า "งดเหล้าเข้าพรรษา" และถึงกับมีวัน "งดดื่มสุราแห่งชาติ" ซึ่งนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้นำของประเทศ ก็จะออกคำขวัญในวันนั้นด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อชักชวนคนไทยให้หันเหออกจากอบายมุข มีความสุขในครอบครัว รวมทั้งไม่สร้างปัญหาให้แก่สังคมอันเกิดมาจากการดื่มสุราเมรัย ซึ่งทำให้คนไทยสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินเงินทอง และรัฐบาลก็เสียงบประมาณในการดูแลฟื้นฟูคนป่วย รวมทั้งผู้ได้รับผลกระทบอีกมากมายมหาศาลอีกด้วย
ศีลธรรมในทางพระพุทธศาสนา ถูกนำมาเป็นหลักธรรมคอยกำกับการบริหารการปกครองของรัฐบาลไทยในทุกยุคสมัย มีการอนุญาตให้ข้าราชการลาบวชได้ และในวันพระก็มีคำสั่งห้ามฆ่าสัตว์ตัดชีวิตและค้าขายสุราเมรัย อันผิดหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา ครั้นถึงวันสำคัญในทางพระศาสนา เช่น วันเข้าพรรษา วันวิสาขบูชา เป็นต้น ก็จะมีการรณรงค์ให้ผู้คนทำความดี ซึ่งก็หนีไม่พ้นจะต้องรักษาศีล ไม่ดื่มกินสุรา รวมทั้งห้ามการขายสุราเมรัยเป็นพื้นฐาน
แต่ในวันที่ 1 พฤษภาคม ที่ผ่านมานั้น นอกจากมาตรการ "ผ่อนคลายข้าวปลาสุราอาหาร" ผ่านรัฐบาลออกมาแล้ว ก็ยังมีมาตรการ "ล็อกดาวน์" วันสำคัญของชาติและศาสนาออกมาด้วย นั่นคือ คำสั่งงดงานพระราชพิธีฉัตรมงคล พืชมงคล และวิสาขบูชา อันเป็นวันสำคัญสูงสุดในพระพุทธศาสนา เลยกลายเป็นว่า
รัฐบาลล็อกดาวน์วิสาขบูชา-ปลดล็อกสุราเมรัย
แม้ไม่จับผิด แต่มันเห็นผิดตำตา ว่าคำสั่งทั้งสองนั้น ออกมาในวันเดียวกัน รัฐบาลสั่งงดงานวิสาขบูชาในวันที่ 6 พฤษภา แต่กลับเปิดเสรีให้มีการขายสุราในวันที่ 3 ก่อนวันพระใหญ่ไปตั้ง 3 วัน มันก็ขัดกันบรรลัยไปเลยประเทศไทย
ไม่น่าเชื่อว่า นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยจะไร้สติปัญญาปานนี้ มีอำนาจเสียเปล่า แต่ใช้ไม่เป็น เห็นแล้วสมเพช
ดูอย่างชาวบ้าน เวลามีงานบุญ ก็จะนิมนต์พระมาทำพิธี สวดมนต์ ฟังเทศน์ เลี้ยงเพล ถวายสังฆทาน รับศีลรับพรให้เสร็จสิ้นก่อน ถึงตอนที่พระกลับวัดไปแล้ว จะเลี้ยงดูปูเสื่อกันด้วยข้าวปลาอาหารและสุราเมรัย ก็ค่อยว่ากัน ไม่กินก่อนพระ ไม่ดื่มต่อหน้าพระ แม้จะไม่เคร่ง แต่คนไทยก็ยังรู้จักเคารพผู้ใหญ่ รู้ที่ต่ำที่สูง รู้ที่เหมาะที่ควรหรือไม่เหมาะไม่ควร เราอยู่อย่างนี้มาเนิ่นนาน ก็งามอย่างไทย แม้ไม่เลิศเลอ แต่ก็ไม่น่าเกลียด บอกลูกสอนหลานได้
แต่การที่รัฐบาลไทยสมัยนี้ "สั่งงดทำบุญวิสาขบูชา เปิดให้ดื่มสุราในเวลาเดียวกัน" ถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เอาอะไรคิด จะตอบคำถามสังคมไทยและลูกหลานรุ่นต่อไปได้อย่างไรว่าคุณเห็นแก่อะไรมากกว่ากัน การเมืองวันนี้ไม่ต้องมีศีลธรรมกันแล้วหรือ ไม่อายเด็กมันหรือ หรือจะให้เด็กมันถอนหงอกว่า รัฐบาลอัปรีย์ ไม่มีศีลธรรม !
ลำพังการผ่อนคลายให้ขายข้าวปลาอาหารได้นั้น มันชอบธรรมและฟังขึ้น ถึงจะงดจัดงานวันวิสาขบูชา โดยอ้างว่ากลัวจะเป็นการกระจายเชื้อโรค เพื่อป้องกันชีวิตคน มันก็มีเหตุผลอีก แต่การปล่อยเสรีให้มีการขายและดื่มสุราพร้อมๆ กับคำสั่งห้ามจัดงานวิสาขบูชานั้น มันทุเรศทุรังในสายตาปัญญาชนทั่วโลก
เหมือนปิดทางไปสวรรค์ แต่เปิดทางลงนรก ให้แก่คนไทย
ที่งงหนักก็คือว่า ประชาชนคนไทยกว่า 70 ล้านคน และพระสงฆ์อีกกว่า 300,000 รูปนั้น (รวมทั้งสังฆราชและกรรมการมหาเถรสมาคม) ไม่มีใครออกมาคัดค้านคำสั่ง "อาสัตย์-อาธรรม" ของรัฐบาลประยุทธ์ครั้งนี้เลยซักคนหรือไร ?
ทำไมเมื่อ 3 ปีก่อน ตอนนั้นรัฐบาลทหาร ออกคำสั่ง คสช. ม.44 "ห้ามนั่งท้ายรถกระบะในช่วงสงกรานต์" ยังมีคนออกมาต่อต้านมหาศาล จนรัฐบาลยอมถอยยกเลิกคำสั่งไป ทำไมวันนี้ ไม่เห็นมีใครออกมาต่อต้านคำสั่งอันไร้ศีลธรรมของรัฐบาลเลย
เราไม่มีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่มีศีลธรรม เช่น องคมนตรี หรือ นักปราชญ์ราชบัณฑิต คอยสะกิดให้เหตุผลแก่รัฐบาล เลยหรือไร ?
เราไม่มีพระสงฆ์ทรงศีลทรงธรรมและกล้าหาญทางจริยธรรม เฉกเช่นสมเด็จโต ที่กล้าจุดไต้เข้าวัง เมื่อเห็นผู้นำลุ่มหลงมัวเมาในอบายมุข กันเลยหรือไร ?
ถึงได้ปล่อยให้รัฐบาลไทย "ทำอะไรก็ได้" แม้กระทั่งงดงานวิสาขบูชาและปล่อยเสรีสุราในเวลาเดียวกัน ?
ซึ่งในความจริงนั้น ถ้ารัฐบาลจะประวิงเวลาไปว่า รอให้พ้นวันวิสาขบูชาไปหน่อย ซักวันที่ 10-11-12 พฤษภา ถึงตอนนั้นค่อยปล่อยให้จำหน่ายสุราได้ มันก็พอฟัง แต่นี่ที่มันฟังไม่ขึ้น เพราะดันมาขายก่อนวันพระใหญ่ แถมยังสั่งห้ามคนไปทำบุญอีก ไม่เรียก "รัฐบาลเปรต" จะให้เรียกอะไร ?
รัฐบาลไทยหิวกระหายหนัก ถึงกับต้องขายเหล้าเพื่อเอาเงินมาบำรุงประเทศเป็นการเร่งด่วนกระนั้นหรือ ?
เราต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชีวิตรอด ไม่ว่าจะถูกหรือผิดศีลธรรม กระนั้นหรือ ?
สุจริต กับ ทุจริต และธรรมาภิบาล คืออะไร ?
ถ้าขายเหล้าเพื่อเอาเงินมาใช้ โดยอ้างว่า "ให้เอาไปกินที่บ้านได้ แต่ห้ามกินในร้าน" ก็ปลอดภัยแล้ว ก็ทำไมรัฐบาลไม่สั่งขาย "ยาบ้า" เพิ่มเข้าไปด้วย แค่มีใบกำกับว่า "ให้เอาไปเสพที่บ้าน แต่ห้ามเสพในร้าน" รับรองว่าคนซื้อตรึม เงินก็จะล้นมือ
เรา-อะลิตเติ้ลบุ๊ดด่ะ จึงขอบอกว่า ทั้งเศร้าใจที่ประเทศไทยมีรัฐบาลไร้ศีลธรรม และเสียดายในสิ่งดีๆ ที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยทำมาหลายอย่าง แต่เมื่อออกคำสั่ง "ล็อกดาวน์วิสาขบูชา-ปลดล็อกสุราเมรัย" ก็เห็นว่าอันตรายแล้ว รัฐบาลนี้ไม่ดีแล้ว เป็นรัฐบาลเลว เพราะคิดเลวๆ ออกนโยบายเลวๆ ทำร้ายประชาชนคนไทย เอาใจพ่อค้า ทำลายสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ จึงไม่สมควรจะอยู่ในอำนาจอีกต่อไป
alittlebuddha.com รายงาน : 2 พฤษภาคม 2563 |
WWW.ALITTLEBUDDHA.COM WAT THAI LAS VEGAS 2920 MCLEOD DRIVE LAS VEGAS NEVADA 89121 U.S.A. PHONE. 702-384-2264 |