ไล่ประยุทธ์ !

 

 

หลวงพ่อดีอดอาหารยื่นคำขาด

 

"ถวายคืนอำนาจในหลวง"

 

ไม่งั้นยอมตายในผ้าเหลือง

 

 

 

 

 

 

 

 

อา..ถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับพระกรรมฐาน ซึ่งแต่เดิมมานั้น ท่านจะออกมาต่อต้านพวกนักการเมืองโกงชาติ หรือนักการเมืองสีแดง จำได้ว่า ในปี พ.ศ.2557 หลวงพ่อดี ได้เคยออกมาอดอาหารถึงอาคารอมรินทร์พลาซ่า โดยมีอัครสาวกนามกระเดื่อง "ดนัย จันทร์ เจ้าฉาย" คอยส่งข้าวส่งน้ำ และส่งข่าวถึงบรรดาสาวก ให้แรงใจแก่หลวงพ่อดี จนสุดท้ายนายทหารนามว่า "ประยุทธ์ จันทร์โอชา" ได้เข้ามายึดอำนาจรัฐบาลยิ่งลักษณ์ หลวงพ่อดีก็เงียบหายไป

 

 

 

 

 

 

 

โกงเงิน VS โกงอำนาจ

อะไรบาปกว่ากันในสายตาของหลวงพ่อดี

 

 

แต่ในวันนี้ หลวงพ่อดีกลับมาใหม่ หันมาไล่ "ประยุทธ์ จันทร์โอชา" ไม่รู้ข้อหาอะไร สงสัยจะเป็นข้อหา "โกงอำนาจ" เพราะเขียนรัฐธรรมนูญโกงโจ๋งครึ่ม จนนิสิตนักศึกษาอันเป็นพลังบริสุทธิ์ในทางการเมืองทนไม่ไหว หันมาไล่ประยุทธ์กันทั้งประเทศ โชคดีที่ไวรัสโควิดมาโปรดก่อน ไม่งั้นประยุทธ์ม้วนเสื่อไปตั้งแต่ต้นปีแล้ว Thank you 3 times

 

 

 

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าพระกรรมฐานจะไล่ใคร ก็ต้องถามกลับไปว่า "เหมาะสมสำหรับสมณสารูปหรือไม่" เราบวชมาเพื่ออะไร มรรควิถีของพุทธสาวกนั้นควรเป็นอย่างไร ที่สำคัญก็คือ จะเป็นแบบอย่างให้แก่คนรุ่นหลังอย่างไร ร้ายหรือดี ? นี่คือคำถาม

 

 

ถ้าจะนิยามว่า การไล่คนโกงชาติเป็นความดี ก็คงเป็นความดีเฉพาะ "ประชาชน" คนสามัญที่มีสิทธิ์เลือกตั้งเท่านั้น ส่วนพระสงฆ์นั้นอยู่เหนืออามิสสินจ้างทั้งปวง จึงแสดงออกทางการเมืองไม่ได้ ไม่ว่าดีหรือร้าย ภาษาพระท่านว่าต้องวางอุเบกขา อย่าไปยินดียินร้าย ถ้ายินดีก็จะสนับสนุน ถ้ายินร้ายก็จะต่อต้าน มันจึงมิใช่ทั้งสองทาง

 

 

 

 

 

 

แต่สังคมไทยในยุคหลังมานี้ (หลังจากหลวงตาบัวออกมาบิณฑบาตช่วยชาติ) ก็เลยเกิดทฤษฎีใหม่ว่า "พระอริยะสามารถทำงานการเมืองได้ เพราะต้องสนับสนุนการเมืองที่สะอาด" ทั้งพุทธอิสระ ทั้งหลวงพ่อดี จึงอ้างเป็นตัวอย่างในการทำงานทางการเมืองในผ้าเหลือง เมื่อเห็นว่าใครชั่วก็ชวนคนออกมาต่อต้าน ทั้งปิดถนนหนทาง ทั้งอดอาหารผ่านเงื่อนไขสละอำนาจแลกกับชีวิตติดผ้าเหลือง

 

 

 

 

 

 

แต่ปลกที่ว่า บรรดาสาวกของพระที่อ้างว่าเป็น "สุปฏิปันโน" เหล่านั้น ต่างเชื่อและสนับสนุนการกระทำของท่านเหล่านั้นด้วยศรัทธาอย่างเต็มกำลัง แม้จะเห็นอยู่ว่า ท่านกำลังออกนอกเส้นทางของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ความเลื่อมใสศรัทธาในตัวครูบาอาจารย์มันบดบังพระสัทธรรมเสียจนมืดมิด จึงเชื่ออาจารย์มากกว่าพระพุทธเจ้า ขนาดว่าปัญญาชนมากมาย ต่างก็ยังเห็นดีเห็นงามไปด้วย จะโดยความบริสุทธิ์ใจหรือแฝงไว้ซึ่งประโยชน์อื่นใดก็ตามแต่ แต่ก็เกิดขึ้นแล้วในสังคมไทย

 

 

วันนี้ หลวงตาบัวก็ตายไปแล้ว พุทธะอิสระก็ถูกจับสึก ยังกลับมาห่มผ้าเหลืองไม่ได้ เหลือก็แต่ "หลวงพ่อดี" ซึ่งเคยได้รับความนิยมนับถือจากกลุ่มเสื้อเหลือง แต่เมื่อหันมาขับไล่ประยุทธ์คนดีของชาวเสื้อเหลือง ก็ไม่รู้ว่าภาพลักษณ์อันดีของหลวงพ่อดีจะป่นปี้ไปหรือไม่ เพราะไม่ว่าใครก็ตาม ถ้าเห็นไม่ตรงกันกับที่พวกเราเห็น พวกนั้นก็จะเป็น "คนเลว" ไม่ว่าจะใส่สีอะไร หลวงพ่อดีพรุ่งนี้ก็อาจจะกลายเป็น "หลวงตาดีแตก" เป็นกากเดนพระกรรมฐานไปเลย โทษฐาน..ไล่รัฐบาลประยุทธ์คนดี

 

 

 

 

 

 

เจ้าสำนักสงฆ์ขังตัวเองในกรง อดอาหารมา 38 วัน วัตถุประสงค์ 4 ข้อ ไม่สำเร็จขอตาย

วันที่ 29 เม.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า ที่สำนักสงฆ์วัดป่าอุทยาน หมู่ 2 ต.ห้วยใหญ่ อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ หลวพ่อดี หรือพระสุวัฒน์ สุวัฑฒโน เจ้าสำนักสงฆ์ ได้อดอาหารโดยไม่ฉันภัตตาหารใดๆ รวมทั้งไม่พูดจาใดๆ มาเป็นเวลา 38 วันแล้ว โดยขังตัวเองอยู่ภายในกรงเหล็ก ในเจดีย์ซึ่งตั้งอยู่บนเชิงเขาภายในสำนักสงฆ์ดังกล่าว จึงเดินทางไปตรวจสอบ

 

ที่สำนักสงฆ์ดังกล่าวตั้งอยู่ในหมู่บ้าน ติดกับเชิงเขา ภายในสำนักสงฆ์มีสิ่งปลูกสร้างสำหรับปฏิบัติธรรม โดยมีผู้ปฏิบัติธรรมมาปฏิบัติธรรมอยู่จำนวนหนึ่ง ส่วนบริเวณที่หลวงพ่อดีนั่งกรรมฐานวิปัสสนาอยู่นั้น เป็นเจดีย์โปร่ง อยู่บนเชิงเขา โดยท่านได้นั่งอยู่ภายในกรงเหล็ก ขนาดกว้าง 3 เมตร ยาว 3 เมตร หลวงพ่อดีนั่งอยู่บนเก้าอี้คล้ายลักษณะเอนพิงหลัง สภาพร่างกายอิดโรงเป็นอย่างมาก มีอาการสั่นตลอดเวลา ในขณะที่มีศิษย์วัดผู้ดูแลคอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากเกรงว่าท่านจะช็อคหรือหมดสติ

 

ทั้งนี้โดยรอบที่หลวงพ่อดีนั่งอยู่นั้น ได้มีการติดป้ายคำสอนต่างๆ ไว้อย่างมากมาย โดยเฉพาะข้อความ "ธรรมะไม่กลับมา โลกาจะวินาศ อธิษฐานจิต พิชิตอธรรม สร้างสันติภาพและสันติสุข อย่างถาวรทั่วโลก บรรจุพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไทย" ได้ติดไว้ด้านหน้ากรงที่หลวงพ่อปฏิบัติธรรมอยู่

พระธรรมจักร สีลวังโส ผู้ดูแลหลวงพ่อดี กล่าวว่า หลวงพ่อนั่งปฏิบัติธรรมขั้นสูงโดยการไม่พูด ปิดวาจา ไม่ฉันภัตตาหาร ไม่รับน้ำปานะ ดื่มเพียงน้ำปัสสาวะนะ หรือน้ำมูดเน่า ไม่สรงน้ำ ไม่เข้าห้องน้ำ โดยเริ่มมาตั้งแต่เวลา 23.00 น. ของวันที่ 23 มี.ค. ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน โดยมีวัตถุประสงค์ 4 ประการคือ

1.เพื่อรักษาขัดโรคภัยโดยเฉพาะโรคโควิด-19 ที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้

2.ขอให้มีการบรรจุศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไทย

3.หากรัฐบาลไม่สามารถบริหารงานได้ขอให้คืนอำนาจให้กับพระมหากษัตริย์ และ

4.ขอให้มีการสร้างสันติภาพ สู่สันติสุข

ซึ่งหากไม่มีการตอบรับหรือพิจารณาดำเนินการใดๆ หลวงพ่อดีจะนั่งอยู่ตรงนี้จนกว่าชีวิตจะหาไม่ รวมทั้งได้แจ้งแก่คณะศิษย์แล้วว่าหากมรณภาพขอให้เก็บศพไว้ภายในเจดีย์แห่งนี้เพื่อเป็นสิ่งเตือนใจให้กับพุทธศาสนิกชนต่อไป

ด้าน นางสมหมาย ดีสา อายุ 68 ปี ชาวบ้าน ต.ห้วยใหญ่ กล่าวว่า ในวันที่หลวงพ่อดีจะปฏิบัติธรรม อดข้าว อดน้ำ พวกตนและชาวบ้านได้อยู่เหตุการณ์วันนั้นด้วย เป็นสิ่งที่ดีที่หลวงพ่อกระทำ แต่พวกตนและญาติโยมไม่อยากจะให้หลวงพ่อทำเช่นนั้น เพราะเกรงว่าจะเป็นการทรมานตนเอง เหมือนกับพระพุทธเจ้าที่เปลี่ยนจากอดน้ำ อดอาหารแล้วหันมาฉันตามปกติก็สามารถบรรลุธรรมได้ หลวงพ่อก็เช่นเดียวกันน่าจะฉันอาหารบ้างเพื่อที่จะสามารถทำงานตามวัตถุประสงค์ได้ แต่ทั้งนี้ก็ขัดความตั้งใจของหลวงพ่อไม่ได้

 

ข่าว : ข่าวสด : 29 เมษายน 2563

 

 

 

ข่าวเกี่ยวข้อง :

 

 

 

 

WWW.ALITTLEBUDDHA.COM WAT THAI LAS VEGAS 2920 MCLEOD DRIVE LAS VEGAS NEVADA 89121  U.S.A.  PHONE. 702-384-2264