ไอ้เสือถอย !
เสือรงค์ตะโกนสั่งสมุนทั่วประเทศ
หยุดปล้นเงินพระสังฆาธิการ
หลังโดนพระทั่วประเทศชะยันโต
รวมคอมเมนต์จากเพจสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
อา..หลังจากสื่อหลายสำนัก เสนอข่าว "สละเงินเดือนสงฆ์" โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ของ "ณรงค์ ทรงอารมณ์" ภายใต้ที่ปรึกษาจอมอัจฉริยะปัญญานิ่ม "พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์" หลังจากมือปราบผู้ตงฉิน ได้จับพระสึกใส่คุกไปเหี้ยนเต้ แถมยังสั่งโอนเงิน "อุปถัมภ์บำรุงวัด" ซึ่งเป็นอำนาจของสำนักพุทธฯ มาแต่เดิม คืนไปให้แก่สำนักงบประมาณเป็นผู้อนุมัติไปสิ้น ตั้งแต่นั้นมา สำนักพุทธฯ เลยไม่มีเงินใช้ ที่มีก็แค่เงินเดือนและรายจ่ายจิปาถะค่ำน้ำค่าไฟ แบบว่าหาเช้ากินค่ำไปวันๆ ครั้นมาเจออภิมหาวิกฤติ "โควิด-19" ซึ่งแม้แต่รัฐบาลทั่วโลกก็ยังต้องออกมาตรการพิเศษทางด้านการเงิน เพื่อช่วยเหลือประชาชนทุกภาคส่วน ให้รอดพ้นหายนะภัยครั้งใหญ่ไปให้ได้ ครั้นมองมาที่รัฐบาลไทยมั่ง ก็ปรากฏว่า "ไม่มีไอเดียในการช่วยเหลือพระสงฆ์สามเณรเลย" ปล่อยให้เป็นภาระของ "สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ" รับผิดชอบเอง แต่สำนักพุทธฯก็บ่จี๊ ไม่มีเงินเหลือเลย มองไปมองมา เห็นแต่เงินนิตยภัตรของพระสังฆาธิการทั่วประเทศ ที่พอจะดักล้วงเอาได้โดยง่าย เลยออกไอเดีย "เอาเงินพระมาใช้ในสภาวะวิกฤติไวรัสโควิด-19"
แต่ครั้นข่าวดังไปทั่วไทยแลนด์ ก็ปรากฏว่ามีพระและโยมเป็นจำนวนมาก เดินทางมาด้วยอินเตอร์เน็ต เข้าไปเยี่ยมคารวะ "ท่านณรงค์ ทรงอารมณ์" ด้วยอารมณ์อันขุ่นมัว ฝากคอมเมนต์ไว้ในเพจ "สำนักพุทธฯ" ด้วยถ้อยคำเปรี้ยวหวานสารพัด ดังที่นำมาเสนอข้างต้นนี้ ณรงค์นอนอ่านอยู่ 2 คืน ฝันเห็นตนเองเป็นเปรตไปในบัดดล จนสุดท้ายต้องยอมกลืนน้ำลาย อ้างว่า "เข้าใจผิด ไม่ได้คิดจะหักเงินเดือนพระแม้แต่บาทเดียว"
แต่ณรงค์ก็เผยไต๋ต่อไปว่า "เงินที่ว่านั้น มิได้หักใหม่ แต่จะใช้เงินจากกองทุน-วัดช่วยวัด ที่มีมาแต่ก่อน มิได้แตะต้องเงินเดือนพระแต่อย่างใด" พระและโยมทั่วไปไม่เข้าใจถ่องแท้ก็เลยโล่งใจ คิดว่าพระคงรอดตัวไปแล้ว
แต่ที่ไหนได้ เพราะเงินกองทุนวัดช่วยวัดนั้น ก็เป็นเงินที่หักมาจากเงินนิตยภัตประจำปีนั่นเอง แบบว่าหักเป็นประจำทุกปี จะมีเหตุต้องใช้จ่ายหรือไม่ก็ไม่สน แถมว่ากันว่า ไม่มีการชี้แจงรายรับรายจ่ายรายปีอีกต่างหาก
เงินก้อนนี้นี่เอง ที่ณรงค์เล็งตาเป็นมัน จะเอามาหาเสียงช่วยวัดและพระเณรให้รอดปลอดภัยจากไวรัสครั้งนี้ โดยที่รัฐบาลไม่ต้องควัก สำนักพุทธฯก็ไม่ต้องจ่าย ใช้ระบบอัฐยายซื้อขนมยาย ง่ายดี เกษียณอายุแล้ว ณรงค์คงจะลงเล่นการเมือง เพราะผ่านยุทธการ "ยืมเงินเล่น" มาอย่างโชกโชนแล้ว
กรณีนี้มองเห็นได้หลายกรณี อาทิเช่น
1. รัฐบาลไทย ได้เข้าช่วยเหลือบริษัทห้างร้าน นิติบุคคล เอกชน นายจ้าง ผู้ประสบปัญหาวิกฤตจากไวรัสโควิด รวมไปถึงลูกจ้างที่ถูกลอยแพ ให้ได้รับการเยียวยาช่วยเหลือแบบทั่วหน้า เป็นวงเงินกว่า 1 ล้านล้านบาท บุคคลทั่วไปได้คนละ 5,000 บาท เป็นเวลา 6 เดือน รวมได้คนละ 30,000 บาท แต่ปรากฏว่า ไม่มีเงินช่วยวัดและพระภิกษุสามเณรเลยแม้แต่บาทเดียว
2. สมเด็จพระสังฆราช ทรงประทานทรัพย์ จำนวน 2 ล้านบาท เพื่อซื้อหน้ากากอนามัยแจกวัดไทยทั่วประเทศ ได้วัดละกี่ชิ้นก็ยังไม่ทราบ แต่ทรงมีพระมหากรุณาโปรดฯ ให้วัดที่มีกำลัง ตั้งโรงครัวแจกอาหารเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย ถือว่าเป็นการให้วัดทำงานสงเคราะห์โดยสมัครใจ ก็พอฟังได้ แต่สำหรับวัดในถิ่นทุรกันดารที่ต้องตกอยู่ในสภาวะเคอร์ฟิวส์นั้น ยังไม่เห็นใครจะคิดช่วยเหลือ หรือจะรอให้วัดร้างเสียก่อน
3. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งแต่เดิมก็มีเงิน "กองกลาง" เป็นงบประมาณบูรณะปฏิสังขรณ์ หรือกิจการพิเศษอื่นใด อยู่ในมือทุกปี แต่เมื่อมีปัญหาเงินทอนวัด สำนักพุทธฯ กลับดันบ้องตื้นส่งเงินก้อนนั้น "คืนสำนักงานงบประมาณ" ครั้นเมื่อต้องการจะใช้เงินถึงเพิ่งรู้ว่าบ่จี๊ และสุดท้ายก็หันมาใช้วิธีการโจร คือล้วงย่ามพระ โดยการหักเงินนิตยภัตรที่ต้นทาง แบบว่าไม่ให้พระมีโอกาสได้แตะเงิน เพราะสำนักพุทธฯ เป็นเจ้ามือผู้จ่ายเงิน เมื่อเจ้ามือยักไว้ไม่ยอมจ่าย พระเณรก็ไม่มีสิทธิ์แตะเงิน แบบนี้ไม่เรียกว่าปล้นจะให้เรียกว่าอย่างไรล่ะ คุณณรงค์ ทรงอารมณ์ ?
ทั้ง 3 กรณีที่เห็นเหล่านี้ ทำให้เห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล สมเด็จพระสังฆราช และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ไม่มีใครช่วยเหลือวัดและพระภิกษุสามเณรเลย แถมยังทั้งสั่งทั้งจี้ชิงเอาเงินค่าอาหารของพระสังฆาธิการทั่วประเทศ ไปสร้างผลงานเป็นของตนเองอีก แบบนี้จะให้สรรเสริญเยินยอว่าอย่างไร
ประเทศไทยเมืองพุทธฯ เราเดินมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ?
ถามใครก็ได้ ที่มีอำนาจในประเทศไทย ?
เสือรงค์ : ณรงค์ ทรงอารมณ์ ผอ.พศ.
แจ้งทุกวัดงดสงกรานต์-สรงน้ำพระ สละเงินเดือนสงฆ์ 2 เดือนตั้งกองทุนวัดช่วยวัด
สำนักพุทธฯ ส่งหนังสือถึงวัดทั่วประเทศ งดจัดกิจกรรมสงกรานต์และสรงน้ำพระป้องกันโควิด-19 ขณะที่พระสงฆ์ทั่วประเทศ สละเงินนิตยภัต 2 เดือน เจียดเข้ากองทุนช่วยวัดที่เดือดร้อน
วันที่ 8 เมษายน 2563 นายณรงค์ ทรงอารมณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เปิดเผยว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้ส่งหนังสือถึงพระสังฆาธิการทุกจังหวัด ขอให้งดหรือเลื่อนจัดกิจกรรมทางศาสนาและการจัดกิจกรรมสงกรานต์ รวมถึง งดสรงน้ำพระ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ส่วนการเดินทางไปทำบุญในช่วงประเพณีสงกรานต์ ไม่มีข้อห้าม แต่ขอให้วัดปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข เช่น ให้ประชาชนเว้นระยะห่าง 1-2 เมตร ตรวจวัดไข้ ใส่หน้ากากอนามัย ก่อนเข้าวัด หากพบมีไข้จะทำการคัดกรอง และแนะนำให้พบแพทย์ เป็นการป้องกันการรวมตัวกันของประชาชนเป็นกลุ่มก้อน
พร้อมฝากถึงประชาชนว่า ปีนี้ขอให้สรงน้ำพระพุทธรูปอยู่ที่บ้าน เพื่อความปลอดภัย ไม่ต้องเดินทางไปสรงน้ำพระที่วัด ขอแค่ปีนี้ปีเดียว เมื่อทำบุญเสร็จก็ขอให้รีบเดินทางกลับบ้าน เพราะทุกวัดจะไม่มีการจัดประเพณีสงกรานต์ภายในวัด
นอกจากนี้นายณรงค์ ยังกล่าวถึงความช่วยเหลือพระ-เณรที่ไม่สามารถออกไปบิณฑบาตในช่วงนี้ว่า แบ่งการดำเนินการ 2 ส่วน คือ พระสงฆ์ทั่วประเทศ ได้ร่วมกันจัดตั้งกองทุนวัดช่วยวัด โดยพระสงฆ์จะร่วมสละเงินนิตยภัต 2 เดือน หรือไม่รับเงินเดือนสงฆ์จำนวน 2 เดือน เพื่อนำเข้ากองทุนและจัดสรรให้กับวัดที่เดือดร้อน นำไปดำเนินการจัดทำภัตตาหารถวายพระ-เณร ต่อไป ส่วนที่ 2 นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สำรวจวัดที่ได้รับผลกระทบไม่สามารถออกไปบิณฑบาตได้ โดยจะจัดทำแผนเพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้ความช่วยเหลือต่อไป
ข่าว : แนวหน้า : 8 เมษายน 2563
สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ ยันไม่มีแนวคิดหักเงินนิตยภัตแจงใช้กองทุน "วัดช่วยวัด" นำไปดูแลพระ-เณรที่ได้รับผลกระทบโควิด
กรณีที่มีข่าวว่าสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) จะหักเงินนิตยภัตพระสงฆ์ทั่วประเทศ 2 เดือน เพื่อนำมาตั้งกองทุนวัดช่วยวัด ช่วยเหลือพระภิกษุสามเณรที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 นั้น
นายณรงค์ ทรงอารมณ์ ผอ.พศ. กล่าวว่า เป็นการเข้าใจคลาดเคลื่อน พศ.ไม่มีนโยบายในการไปหักเงินนิตยภัตพระสงฆ์ อีกทั้งกองทุนวัดช่วยวัดนั้น เป็นกองทุนที่ทางคณะสงฆ์ โดยมหาเถรสมาคม (มส.) จัดตั้งขึ้นมานานแล้ว เพื่อเป็นกองทุนในการให้ความช่วยเหลือพระสงฆ์ที่เดือดร้อนจากภัยธรรมชาติหรือภัยต่างๆ ตามที่คณะกรรมการกองทุนฯกำหนด โดยตนได้มีหนังสือแจ้งไปยัง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) ทั่วประเทศแล้ว ถึงแนวทางในการดำเนินงานช่วยเหลือพระภิกษุสามเณรที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งนี้ หนังสือที่ทางนายณรงค์แจ้งไปยัง ผอ.พศจ.ทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 8 เม.ย. เรื่องสำรวจข้อมูลวัดที่ได้รับความเดือดร้อนและขาดแคลนภัตตาหารเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน ระบุว่า ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ได้แพร่ระบาดขยายวงกว้างและส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระภิกษุที่อยู่ในพื้นที่ท้องถิ่นทุรกันดารได้รับความเดือดร้อนในเรื่องของอาหารขบฉัน รวมถึงเครื่องอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน และได้มีผู้ร้องขอให้ พศ.ให้ความช่วยเหลือเรื่องดังกล่าวเป็นการเร่งด่วน ในการนี้ พศ. เห็นว่า ความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการดำเนินการให้ทันกับสถานการณ์ ดังนั้น เพื่อให้เรื่องดังกล่าวได้รับการดูแลอย่างทั่วถึงตรงกับข้อเท็จจริงและความต้องการ ของวัดที่ได้รับความเดือดร้อนและต้องช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน จึงขอให้ พศจ. ดำเนินการ ดังนี้
1. สำรวจวัดในพื้นที่รับผิดชอบที่ได้รับผลกระทบและความเดือดร้อน 2. ให้ประสานขอความช่วยเหลือจากเจ้าคณะจังหวัด หรือเจ้าคณะภาคทดรองจ่ายให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นไปก่อน แล้วส่งรายละเอียดค่าใช้จ่ายมายัง พศ. เพื่อขอสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนวัดช่วยวัดต่อไป ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามระเบียบมหาเถรสมาคมว่าด้วยกองทุนวัดช่วยวัด
3. ในกรณีที่ไม่สามารถดำเนินการตามข้อ 2 ได้ ให้ส่งรายชื่อวัดตามแบบสำรวจพร้อมประมาณการค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือเยียวยาวัดที่ได้รับผลกระทบมายังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติโดยด่วน ข่าว : ไทยรัฐ : 10 เมษายน 2563
อะลิตเติ้ลบุ๊ดด่ะ ดอทคอม รายงาน : 10 เมษายน 2563 |
WWW.ALITTLEBUDDHA.COM WAT THAI LAS VEGAS 2920 MCLEOD DRIVE LAS VEGAS NEVADA 89121 U.S.A. PHONE. 702-384-2264 |