มส-พศ ไม่เกี่ยวการปลุกปั่นทางศาสนาทั่วประเทศ !

 

 

และไม่รังเกียจศาสนาอื่นทั้งในและต่างประเทศ จุ๊บๆ

สำนักพุทธฯ แถลงต้านชาวพุทธทั่วไทย

ใครก็ตามที่ออกมาต้านมุสลิม

พศ-มส ตัดหางปล่อยวัด ไม่เกี่ยวข้อง

 

 

 

อา..โบราณว่า "ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา" ถามว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทยสมัยนี้ ยุคที่มี "ณรงค์-พงศ์พร" คุมสำนักพุทธฯ และ (อะแฮ่ม) คุมมหาเถรสมาคมด้วย เพราะเห็นโฆษกสำนักพุทธฯ ออกมาอ้าง "มติ มส." ครอบจักรวาล ตั้งแต่กฎหมายยันพระธรรมวินัย แต่ไม่เห็นกรรมการ มส. ออกมาชี้แจงแถลงไขอย่างไรเลย ก็เท่ากับ "สมยอม" ให้สำนักพุทธฯ ฮุบงานโฆษณาประชาสัมพันธ์ของ มส. ไปโดยอัตโนมัติ ประหยัดงบประมาณไปบานเบอะ

 

 

 

 

 

 

 

ที่มันน่าแปลกใจก็คือว่า ถ้าหากว่าคำชี้แจงเรื่องอิสลามถูกโจมตีที่พยายามขยายฐานไปทั่วประเทศไทย จะมาจากองค์กรของอิสลาม เช่น สำนักจุฬาราชมนตรี ดังเอกสารข้างต้น ก็ถือว่าเป็นธรรมดา เพราะว่าจุฬาราชมนตรีมีหน้าที่ดูแลชาวมุสลิม การออกมาปกป้องคนของตนเองจึงสมควรทำเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่ก็มีสื่อหรือชาวมุสลิมหลายแห่งหลายคน ได้ออกมาโจมตีพระพุทธศาสนา อยู่เรื่อยมา และรัฐหรือสำนักพุทธเองก็รู้เห็นอยู่เต็มตา ว่าชาวพุทธเป็นผู้ถูกกระทำ มิใช่ผู้กระทำร้ายชาวมุสลิมก่อน เพราะถ้าชาวพุทธมุ่งร้ายต่อชาวมุสลิมจริง ป่านนี้เมืองไทยเป็นพม่าไปแล้ว

 

 

ในกรณีที่ชาวพุทธฯ ออกมาแสดงออกในการต่อต้านอิสลาม ด้วยเหตุผลถูกครอบงำหรือรุกรานเข้ามาในพื้นที่ของชาวพุทธแต่เดิม คือมีการสร้างมัสยิดทั่วประเทศ ผ่านการสร้างความชอบธรรมคือกฎหมาย อันมีนักการเมืองขายศาสนาอยู่เบื้องหลัง ซึ่งก็น่าจะถือว่า "เป็นสิทธิอันชอบธรรม" ของชาวพุทธ ที่จะแสดงออกดังกล่าว เพราะเมื่อชาวพุทธจะสร้างศาสนสถานใหม่ในเขตแดนของชาวมุสลิม (เช่นปัตตานี) ก็มีชาวมุสลิมออกมาต่อต้านเช่นกัน

 

 

แต่ถามว่า เหตุไฉน ? สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งมีหน้าที่ในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา แทนชาวพุทธไทยทั้งประเทศ ซึ่งควรจะออกมาสนับสนุนการกระทำของชาวพุทธ กลับออกมาต่อต้านชาวพุทธด้วยกันเองเสียเอง แถมยังไปดึงเอา "มหาเถรสมาคม" มาเป็นตราประทับสร้างความชอบธรรมให้แก่มติของตนเอง ทำนองขี่คอชาวพุทธด้วยกัน มันถูกต้องตรงไหน !

 

 

อย่าลืมว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติก็ดี มหาเถรสมาคมก็ดี ถึงไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของชาวพุทธทั่วประเทศ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นตัวแทนชาวพุทธ และต้องทำงานเพื่อชาวพุทธ มิใช่เพื่อชาวมุสลิม มิฉะนั้นก็เปลี่ยนชื่อเป็น "สำนักจุฬาราชมนตรี" ไปเสียสิ

 

 

แน่นอนว่า ทางสำนักพุทธฯ (รวมทั้งรัฐบาล) อาจจะเห็นว่า การออกมาแสดงความเห็นเป็นปฏิปักษ์ต่ออิสลามโดยเปิดเผยของชาวพุทธทั่วประเทศนั้น อาจจะทำให้รัฐบาลหรือสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติทำงานลำบาก จึงควรห้ามปรามไว้

 

 

แต่..แต่ก็ยังมีวิธีการอีกมากมายมิใช่หรือ ในการทำงานเพื่อสร้างเอกภาพขึ้นในหมู่ชาวพุทธ ทั้งรัฐบาลเรียกร้องต้องการมาโดยตลอด เช่นว่า การเจรจาปราศรัยกับกลุ่มชาวพุทธต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกัน และรับเรื่องร้องเรียนมาศึกษาอย่างเป็นทางการ ดีกว่าจะปล่อยให้ต่างกลุ่มต่างเรียกร้องกันเอง

 

 

รัฐและสำนักพุทธฯ น่าจะดีใจเสียด้วยซ้ำไป ที่มีชาวพุทธมากมายหลายกลุ่มในประเทศ ได้แสดงออกซึ่งความรักพระศาสนา (เหมือนชาวมุสลิมรักอิสลาม) จึงแสดงออกดังกล่าว เพราะเขาออกมาแสดงตนในที่แจ้ง มันง่ายกว่าการซุ่มอยู่ในที่มืด และทุกกลุ่มที่แสดงออกนั้น ก็มีหัวหน้า มีทีมงาน มีตัวตนที่ติดต่อได้ ทำไมรัฐและสำนักพุทธ ไม่เชิญชาวพุทธกลุ่มต่างๆ เหล่านั้นเข้ามาปรึกษาหารือ เขามีความเห็นอย่างไร เรามีแนวทางอย่างไร จะได้แลกเปลี่ยนและปรับปรุงแนวทาง ให้มันสอดคล้องต้องกัน ซึ่งรัฐเองก็ประกาศปาวๆ ว่า "แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง" ขนาดกลุ่มก่อการร้ายภาคใต้ รัฐก็ยังใช้ไม้อ่อน ขอเจรจาเพื่อสันติภาพ

 

 

แต่กับชาวพุทธที่ถูกรุกราน รัฐจะอ้างเพียง "กฎหมายรัฐธรรมนูญ" ปกป้องทั้งคนรุกรานและถูกรุกรานนั้นหาได้ไม่ ไม่งั้นวัดพระแก้วก็ต้องแบ่งพื้นที่ให้มัสยิดไปครึ่งหนึ่ง

จึงแปลกใจว่า น่าที่รัฐหรือสำนักพุทธ ซึ่งเป็นชาวพุทธแท้ๆ จะได้หันมาสร้างความสามัคคีปรองดองกับชาวพุทธด้วยกัน ก่อนจะไปปรองดองกับมุสลิมหรืออื่นๆ แต่รัฐและสำนักพุทธ กลับมีไมตรีกับมุสลิมอย่างออกนอกหน้า ทว่ากลับแสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อชาวพุทธด้วยกันเอง เป็นเรื่องที่มิอาจนิ่งนอนใจได้เลย

 

 

เรา-อะลิตเติ้ลบุ๊ดด่ะ จึงไม่เห็นด้วยต่อท่าทีของรัฐ ของสำนักพุทธฯ และของมหาเถรสมาคม ดังกล่าว เราเชื่อว่า แม้ว่า ชาวพุทธกลุ่มต่างๆ จะสร้างความรำคาญกระจองอแงด้วยการเรียกร้องโน่นนี่นั่น แต่มันก็เป็นสิทธิที่แสดงออกได้ เพราะเขายังไม่ได้ฆ่าแกงใคร ในขณะที่พระในภาคใต้ตายไปหลายสิบรูปแล้ว ถ้าชาวพุทธเพียงแค่ "ปกป้องตนเอง" ยังทำไม่ได้ แล้วจะให้อยู่กันอย่างไร เขาอาจจะมีเหตุผลว่า "เพราะไม่มั่นใจว่ารัฐหรือสำนักพุทธจะปกป้องดูแลพวกเขาได้ จึงต้องลุกขึ้นมาปกป้องตนเอง" ดังนี้ ด้วยซ้ำไป นี่จึงเป็นโจทย์ใหญ่ให้รัฐต้องตระหนัก ก่อนจะแสดงท่าทีออกมาแบบไม่น่ามอง

 

 

ชาวบ้านร้านตลาดในถิ่นหรือท้องที่ใดท้องที่หนึ่ง อาจจะรวมตัวกันปกป้องสิทธิของตนเอง บนรากฐานของผลประโยชน์ท้องถิ่น วัฒนธรรมและประเพณี ถึงจะมีปัญหากระทบถึงกฎหมายและความมั่นคง ซึ่งรัฐก็สามารถจะเข้าไปช่วยแก้ไขได้ แต่รัฐไม่สามารถจะเข้าไปเป็นคู่ขัดแย้งหรือสร้างความขัดแย้งกับใครได้เลย ไม่ว่ากรณีใดๆ รัฐ สำนักพุทธ และมหาเถรสมาคม จึงพึงตระหนักหลักการนี้เอาไว้ให้แน่น อย่าโมเมเฉไฉไปตามใจตัวเอง อย่าสร้างความแตกแยกเสียเอง

 

 

ดังนั้น การที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและมหาเถรสมาคม ได้ออก มติที่ 6/2563 ออกมานั้น จึงถือว่าไม่ถูกต้อง และขอเรียกร้องให้ทบทวนและยกเลิกโดยทันที ก่อนที่ชาวพุทธทั่วประเทศและทั่วโลก จะมีปฏิกิริยาเป็นลบต่อหน่วยงานด้านศาสนาพุทธทั้งสองแห่ง

 

 

 


 

 

 

 

อะลิตเติ้ลบุ๊ดด่ะ ดอทคอม รายงาน : 13 มีนาคม 2563

 

 

 

 

WWW.ALITTLEBUDDHA.COM WAT THAI LAS VEGAS 2920 MCLEOD DRIVE LAS VEGAS NEVADA 89121  U.S.A.  PHONE. 702-384-2264