"จะสานต่องานท่านพงศ์พร"

 

ผอ.พศ. คนใหม่ แถลงนโยบาย

 

 

 

 

 

 

หนึ่งเดียวในดวงใจของ ณรงค์ ทรงอารมณ์

 

 

อา..นึกว่าจะปฏิบัติตามพระบรมราชโองการ หรือตามนโยบายของรัฐบาล หรืออย่างน้อยก็ของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นี่แสดงว่ารายการนี้ไม่มีการ "วัดรอยเท้าเจ้านายเก่า" และเท่ากับประกาศให้โลกรู้ว่า "ที่ณรงค์เดินมาถึงจุดสุดยอดในตำแหน่ง ผอ.พศ. ได้นั้น เพราะการผลักดันของพงศ์พร คนอื่นไม่เกี่ยวข้อง" จึงต้องเอาพงศ์พรมาเป็นนโยบายหลัก ก็ดีฮะ ดีกว่าเก็บไว้ในใจไม่มีใครรู้

 

 

 

 

 

 

 

พงศ์พร เคยเสนอความเห็นต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า กรรมการ มส. ผิดคดีอาญาและต้องปาราชิก พอถูกถามเรื่องไร่ของ ว.ตอแหล กลับเงียบ

 

 

 

 

ก็ดีฮะ ประกาศออกมาแบบนี้ ถือว่ามีทิศทางการทำงานที่ "ตรงเป็นไม้บรรทัด" เหมือนพงศ์พรเจ้านายเก่า ก็เลยขอส่งเสริมบทบาทของคุณณรงค์เสียเลยว่า

ตั้งแต่ต้นเดือนธันวาปีกลายแล้ว ที่เราได้เสนอข่าว "มีคนสงสัยในสถานะที่ดินไร่เชิญตะวัน ว่าจะเป็น ภบท.5 ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย" และในฐานะที่ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ อดีต ผอ.พศ. และปัจจุบันเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านกิจการพระพุทธศาสนา และเป็นเจ้านายผู้ที่ณรงค์นำเอามาเชิดชูเป็นแบบอย่างของการทำงานในวันนี้

 

 

คุณพงศ์พรนั้น มีภาพข่าวมากมายว่าใกล้ชิดสนิทสนมกับ "มหาวอ" เจ้าของไร่ดังกล่าว เราจึงขอให้ช่วยตรวจสอบที่ดินของไร่เชิญตะวันว่าเป็นอะไร เพื่อให้สังคมไทยได้สบายใจ จะไม่เกิดปัญหาอะไรในภายหน้า ทว่าพงศ์พรกลับเงียบ ไม่กล้าตรวจสอบ ไม่ตอบคำถาม ไม่ดุดันฟันธงเหมือนตอนทำเรื่องเงินทอนวัดของอดีตกรรมการ มส. ซึ่งตอนนั้นได้เขียนสำนวนเพิ่มเติมด้วยตนเองให้แก่เจ้าหน้าที่สืบสวนไปว่า "ผิดทั้งอาญาและปาราชิก" ดังนี้ด้วย ส่งผลให้กรรมการ มส. ทั้ง 3 รูป ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนำกำลังบุกค้นวัดแบบจู่โจม และถูกจับกุมคุมขัง ยังไม่สิ้นสุดคดีมาจนบัดนี้

 

 

ทีนี้ว่า เมื่อคุณณรงค์ ประกาศออกมาแบบนี้ ก็ถือว่าดี จะได้มีความหวังว่าพระพุทธศาสนาในประเทศไทยจะบริสุทธิ์ผุดผ่องดังที่มุ่งหวัง จึงขอให้คุณณรงค์ได้ช่วยตรวจสอบ "ไร่เชิญตะวัน" อีกแห่งหนึ่ง ว่ามีสถานะเป็นอะไร ถูกหรือผิดกฎหมาย จะได้ไม่เหมือนคดีของท่านธัมมชโยที่จนบัดนี้ยังไม่มีใครเห็นตัว

 

 

 

 

 

 

ผอ.สำนักพุทธฯ ยัน สานต่องานของ "พงศ์พร" ปราบทุจริตใน พศ. สกัดปัญหาทอนวัด

 

ตามที่นายณรงค์ ทรงอารมณ์ ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ  เมื่อวันที่ 6 ก.พ. และได้มีการประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 7 ก.พ. ที่ผ่านมานั้น นายณรงค์ กล่าวว่า การทำงานในตำแหน่ง ผอ.พศ. ตนจะทำงานต่อเนื่องจากที่ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ อดีต ผอ.พศ. ได้ดำเนินการไว้ โดยเฉพาะเรื่องการปราบปรามการทุจริตใน พศ. และคณะสงฆ์ จะต้องไม่ให้เกิดการทุจริตเช่นกรณีเงินทอนวัดขึ้นมาอีก โดยขณะนี้ได้มีการวางระบบในการตรวจสอบงบประมาณ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริต ขณะเดียวกันตนจะเรียกประชุมผู้บริหารกองต่างๆทุก 3 เดือน เพื่อติดตามงานด้านต่างๆ รวมทั้งติดตามการเบิกจ่ายงบประมาณของแต่ละกองใน พศ. ด้วย ส่วนความคืบหน้าในเรื่องคดีเงินทอนวัดนั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว 

นายณรงค์ กล่าวต่อไปว่า ด้านการพัฒนาศักยภาพพระสงฆ์ไทยนั้นเป็นอีกเรื่องจะต้องเน้น โดยเฉพาะการสร้างบุคลากรด้านการเผยแผ่ที่มีความสามารถ เช่น เรื่องการปฏิบัติธรรม การเทศน์ เป็นต้น ขณะที่การฟื้นฟูพุทธมณฑลให้เป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ตนจะให้ความสำคัญเช่นกัน เพื่อพัฒนาพุทธมณฑลให้เป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลกอย่างแท้จริง ทั้งนี้ตนยืนยันว่าจะสนองงานคณะสงฆ์ให้เกิดการขับเคลื่อนมากที่สุด ส่วนเรื่องตำแหน่งรอง ผอ.พศ. ที่ขณะนี้ว่างอยู่ 2 ตำแหน่งนั้น ยังมีเวลาในการพิจารณา

 

 

 

ที่มา : เดลินิวส์ : 15 กุมภาพันธ์ 2563