THE TWO POPES

 

เรื่องดัง หนังดี มีคติธรรม

 

 

 

 





 

 

 

พระสันตปาปา 2 พระองค์ ซึ่งขึ้นครองอำนาจในวาติกันไล่เรี่ยกัน

 

 

พระสันตปาปาเบเนดิกต์ ที่ 16 ชาวเยอรมัน ได้รับเลือกให้ขึ้นดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสันตปาปา ต่อจากสมเด็จพระสันตปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 เมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ.2548 แต่ดำรงตำแหน่งได้เพียง 8 ปี พระสันตปาปาเบเนดิกต์ ก็ประกาศ "สละตำแหน่งโป๊ป" ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2556

 

 

พระสันตปาปาฟรานซิส ชาวอาเจนติน่า ได้รับเลือกให้ขึ้นดำรงตำแหน่งต่อจากพระสันตปาปาเบเนดิกต์ ที่ 16 เมื่อวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ.2556 เพิ่งจะเสด็จมาเยือนประเทศไทยเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2562  ที่ผ่านมา

 

 

ในการขึ้นดำรงตำแหน่งของพระสันปาปาทุกพระองค์นั้น จะต้องผ่านการ "เลือกตั้ง" จากพระคาร์ดินัลทั่วโลก ที่มีคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิกประดิษฐานอยู่ และพระคาร์ดินัลจากทั่วโลกก็มีสิทธิ์ได้รับเลือกตั้งให้ขึ้นดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสันตปาปาเช่นกัน นับว่ากระบวนการสรรหาผู้นำของคริสต์ศาสนาโรมันคาทอลิกนั้น "กว้างไกล" มากที่สุดในโลก มากกว่าการเลือกผู้นำของทุกประเทศด้วยซ้ำ ดังนั้น ตำแหน่ง สมเด็จพระสันตปาปา จึงยิ่งใหญ่กว่าประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เพราะว่ามีประชากรชาวคริสต์อยู่ทั่วโลก

 

 

อย่างไรก็ตาม ในความกว้างใหญ่ไพศาลของคริสต์จักรโรมันคาทอลิกนั้น ย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือความยิ่งใหญ่ แต่ข้อเสียก็คือความบกพร่องในด้านการบริหารการปกครอง อันย่อยเป็นความประพฤติเสียหายของนักบวชในโบสถ์คาทอลิกทั่วโลก ส่งผลให้โรมันคาทอลิกถูกโจมตีจากสื่ออยู่เป็นประจำ การลาออกจากตำแหน่งของพระสันตปาปาเบเนดิกต์ ที่ 16 ก็เชื่อว่ามาจากปัญหาภายในเป็นสำคัญ แต่การสละตำแหน่งเมื่อรู้ว่าไปไม่ไหว ก็ทำให้พระสันตปาปาเบเนดิกต์ ที่  16 ได้รับการยกย่องว่ามีสปิริตสูงส่ง มิใช่ทำทู่ซี้อยู่ไปวันๆ แบบชั่วไม่มีดีไม่ปรากฏและรอวันตาย

 

 

แต่กระนั้น แม้ในวาระของพระสันตปาปาฟรานซิสเอง ปัญหาต่างๆ ก็ยังตามมา แถมยังมีปัญหาใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกด้วย ล่าสุดนั้น โป๊ปฟรานซิสได้ประกาศว่า "เวลานี้เราไม่ใช่ผู้เดียวที่สร้างวัฒนธรรมอีกแล้ว ไม่ใช่แม้กระทั่งคนแรกที่มีผู้รับฟังมากที่สุด" เป็นการกระตุ้นเตือนบรรดานักบวชในสำนักวาติกันทั่วโลก ให้ตระหนักในความไม่ประมาท อย่าคิดว่าใหญ่

 

 

หนังเรื่องนี้ นำเอาพระสันตปาปา 2 พระองค์มาเข้าฉาก ตั้งชื่อง่ายๆ ว่า "The Two Popes" เนื้อเรื่องก็มีทั้งประวัติส่วนตัว ความชอบส่วนตน และบทบาทต่อศาสนจักรอันเป็นที่หนึ่งในโลก ว่าผู้ชาย 2 คนนี้ จะนำพาศาสนาคริสต์ไปในทิศทางใด

 

 

 

 

 

THE TWO POPES THAI

สองพระสังฆราชไทยในสมัยปัจจุบัน

 

 

 

 

 

 

 

 

ซ้าย : สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 19

ขวา : สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 20

 

 

 

 

จาก Two Popes ถึง Two Popes Thai ในยุคปัจจุบัน ก็คล้ายๆ กัน นั่นคือ เกิดวิกฤติการณ์ในบ้านเมืองอย่างใหญ่หลวงในรอบพันปี มีคดีความเกิดขึ้นกับพระภิกษุสามเณรในสังฆมณฑลอย่างที่เรียกว่า "มากที่สุด" นอกจากปัญหาธรรมกายอันมีอิทธิพลทางการเมือง สามารถยัน "ม.44" ของรัฐบาลทหารที่มาจากการปฏิวัติ ให้หยุดอยู่แค่ "นอกกำแพงวัด" ได้นานนับเดือน ไปจนถึง "กรรมการมหาเถรสมาคมและพระเจ้าคุณหลายรูป" ถูกจับสึกก่อนผ่านกระบวนการยุติธรรม ถือเป็นความตกต่ำของ "สถาบันพระพุทธศาสนา" ที่ไม่สามารถปกป้องคนของตนเองได้ แม้แต่เพียงการต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรม แม้แต่ "พระสังฆราชอัมพร" เอง ก็มิได้ตำแหน่งมาอย่างสง่าผ่าเผย เพราะเคยเป็นประธานในการประชุม "ลับ" เสนอให้ "สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์-ช่วง" วัดปากน้ำ ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช แต่ถูกต่อต้านมติดังกล่าวจนตกเป็นโมฆะ พระสังฆราชอำพร จึงได้ตำแหน่งมาอย่างที่เรียกว่า "กระดำกระด่าง"

 

 

ย้อนกลับไป ในสมัยสมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวฑฺฒโน) วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อขึ้นดำรงตำแหน่งในเดือนเมษายน พ.ศ.2532 ทรงรับไม้ต่อจาก "สมเด็จพระสังฆราช-วาสน์" วัดราชบพิธ ดำเนินการกับ "โพธิรักษ์" แห่งสันติอโศก อย่างเด็ดขาด จนกลายเป็นนักบวชเถื่อนไปในปัจจุบัน และในปี 2542 ก็ทรงดำเนินการกับ "พระธัมมชโย" แห่งวัดพระธรรมกาย คล้ายๆ กันอีก ส่งผลให้พระธัมมชโยต้องหนีคดีไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งจนถึงทุกวันนี้

 

 

เมื่อสิ้นสมเด็จพระญาณสังวรแล้ว ตามกฎหมาย สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) วัดปากน้ำ ต้องได้ขึ้นดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช แต่กลับถูกต่อต้านเพราะเกี่ยวข้องกับธรรมกาย ส่งผลให้รัฐบาลไทยต้องแก้กฎหมายคณะสงฆ์อย่างเร่งร้อน ก่อนจะได้พระสังฆราชอัมพรมาเป็นแทน

 

 

แน่นอนว่า การขึ้นดำรงตำแหน่งของพระสังฆราชอัมพร ย่อมจะต้องสอดคล้องกับ "แนวทาง" ที่อดีตสมเด็จพระสังฆราช 2 พระองค์ ก่อนหน้านี้ ได้ดำเนินมายาวนาน นั่นคือ สมเด็จพระสังฆราช (วาสน์) และสมเด็จพระสังฆราช (เจริญ) ซึ่งได้ดำเนินการอย่างเข้มแข็ง ในการ "ปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา" อันได้แก่ พระธรรมคำสอนซึ่งบรรจุอยู่ในพระไตรปิฎก ถือเป็นมรดกสำคัญของชาติไทย มิให้ผู้ใดมาทำลาย หาไม่ก็คงมิใช่พระสังฆราชที่ดี ที่เคยมีตัวอย่างมา เหมือนๆ กับว่า มีการส่งไม้ต่อกันมาถึง 2 พระสังฆราชแล้ว สังฆราชอัมพรเป็นมือที่ 3 ที่เข้ามาสานต่อภารกิจ จะปิดจ็อบลงได้สำเร็จหรือไม่ หรือจะส่งไม้ต่อไปอย่างไร

 

 

 

 

 

 

ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ พ.ศ.2560 ที่เพิ่งประกาศใช้ไปนั้น มีบทบัญญัติสำคัญในรอบพันปี นั่นคือ มาตรา 67 ซึ่งกำหนดให้รัฐต้องอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา "เถรวาท" เท่านั้น นั่นคือครั้งแรกที่มีการ "ระบุ" ถึงเถรวาทในรัฐธรรมนูญของประเทศไทย และย่อมจะเป็นธรรมนีติ-ราชนีติ ให้แก่สมเด็จพระสังฆราชไทย นำไปเป็นแนวทางหลักในการปฏิบัติภารกิจในตำแหน่งสังฆราช หาไม่ก็จะไร้ทิศทาง เอางานอื่นมาปนกับงานหลัก หรือเสียหลักไปเลย

 

 

สมเด็จพระสังฆราชไทยนั้น ย่อมเป็นที่มุ่งหวังของบรรดาพระภิกษุสามเณรทั่วสังฆมณฑล และพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ ในการบริหารการปกครองสังฆมณฑล และเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้เกิดเงาร่มเย็นเป็นร่มโพธิ์ร่มไทร และโดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือ การปกป้องรักษาพระธรรมคำสอนแห่งเถรวาทให้บริสุทธิ์ผุดผ่อง ดังพระมหาโมคคัลลีบุตร ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช หรืออย่างน้อยก็ในสมัย "สมเด็จพระญาณสังวร-เจริญ" ซึ่งดำรงตำแหน่งก่อนหน้าพระสังฆราชอัมพร

 

 

 

 


 

 

 

แต่ครั้นมีมติมหาเถรสมาคม ภายใต้การบัญชาการของพระสังฆราชอัมพร ออกมา เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้แถลงข่าวว่า "ในการประชุมมหาเถรสมาคม  เมื่อวันที่ 20 พ.ย. ที่ผ่านมา สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (สุชิน อคฺคชิโน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม กรรมการ มส. เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ได้แจ้งต่อที่ประชุม มส. ว่า การแต่งตั้งเจ้าคณะใหญ่หนต่างๆ และเจ้าคณะภาคนั้น ซึ่งตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2561 ระบุว่า การแต่งตั้งและถอดถอนเจ้าคณะใหญ่และเจ้าคณะภาค หากมีพระราชดำริเป็นประการใด ให้ดำเนินการไปตามพระราชดำรินั้น ซึ่งขณะนี้ทรงมีพระราชดำริเห็นชอบแล้ว และอยู่ในระหว่างนำรายชื่อกราบทูลรายงานเสนอสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (อัมพร อมฺพโร) เพื่อออกเป็นพระบัญชาแต่งตั้งต่อไป"

 

 

ทีนี้ เมื่อเห็นรายชื่อเจ้าคณะภาค ทั้ง 18 ภาค ในฝ่ายมหานิกายออกมา ก็ปรากฏว่า มีเสียงนินทากระหึ่มเมือง วิพากษ์วิจารณ์ถึงตัวบุคคล (พระเจ้าคุณ) บางองค์ บางตำแหน่ง ทั้งในภาค 1 และภาค 13 ว่ามีคดีความและเคยดำรงตำแหน่งมาก่อน แต่หย่อนยานสมรรถภาพ ไม่สามารถแก้ปัญหาคณะสงฆ์ได้ ถึงกับรัฐบาลต้องแก้ไขกฎหมาย โอนย้ายอำนาจการแต่งตั้งกรรมการมหาเถรสมาคมไปให้กับราชสำนัก พร้อมกับการเขียนให้ "การแต่งตั้งเจ้าคณะภาค ต้องผ่านพระราชดำริเห็นชอบก่อน" แต่เหตุไฉน โผเจ้าคณะภาคจึงออกมาเหมือนเดิม เพราะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย พระที่มีปัญหาก็ยังคงดำรงตำแหน่งอยู่เช่นเดิม ที่ทำงานไม่ไหวจนเกิดปัญหา ก็ยังคงได้รับการแต่งตั้งอยู่เช่นเดิม ฯลฯ

 

 

เมื่อเป็นเช่นนั้น จึงเกิดคำถามว่า เราจะมีมหาเถรสมาคมไปทำไม เพราะมีก็ไม่ได้ทำอะไรเลย ปล่อยเลยตามเลย ลามปามจนกระทั่งว่า เราจะมีพระสังฆราชไปทำไม เพราะมีไว้ก็ไม่มีประโยชน์อันใด ในเมื่อมิได้ใช้พระสังฆราชอำนาจตามตำแหน่งที่ดำรงอยู่ที่ว่า "สกลมหาสังฆปริณายก" คือเป็นผู้นำทั่วทั้งสังฆมณฑล มิใช่เฉพาะคณะธรรมยุตเท่านั้น

 

 

แต่ตามที่เห็นในกระบวนการแต่งตั้งเจ้าคณะภาคนั้น เอกสารราชการก็ระบุชัดว่า พระสังฆราชอัมพร ยอมให้เจ้าคณะใหญ่ไปพิจารณากันเอง เจ้าคณะใหญ่ว่าอย่างไร ก็เออออไปตามนั้น มิได้ทักท้วงแก้ไขอะไรเลย และสุดท้ายที่มหาเถรสมาคม อันได้ทำหน้าที่ในการเป็น "สภาตรายาง" ได้อย่างสมเกียรติ ที่ได้รับการไว้วางพระราชหฤทัยจากในหลวง เพียงแค่ประชุมนัดแรกก็ออกมาแบบหน้าตาดูไม่ได้แล้ว

 

แน่นอนว่า มหาเถรสมาคมก็ดี พระสังฆราชอัมพรก็ดี จะยืนยันในหลักการทำงานของตนเองว่าถูกต้อง คำทักท้วงไม่มีน้ำหนักเพียงพอต่อการเปลี่ยนแปลง จึงจะยืนยันมติไปตามเดิม ดังนี้ก็ได้ แต่..

 

 

แต่ว่า หนทางข้างหน้า ถ้าเกิดปัญหาขึ้นมา มหาเถรสมาคมและพระสังฆราช ก็จะถูกลอยแพให้แก้ปัญหาเพียงลำพัง ไม่มีมวลชนหนุนหลัง หรืออย่างน้อยก็จะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์คณะสงฆ์ไทยในอีกหน้าหนึ่งว่า "ในสมัยพระสังฆราชอัมพร มีการแต่งตั้งเจ้าคณะภาคที่ต้องคดีและถูกศาลอาญาพิพากษาลงโทษ รวมทั้งการตั้งอดีตเจ้าคณะภาค  1 ที่มีปัญหา กลับเข้ามาดำรงตำแหน่งตามเดิมอีก"

 

 

วิถีปราชญ์ของไทยแต่สมัยโบราณนั้น นิ้วไหนร้ายก็ตัดนิ้วนั้นทิ้ง มิได้ตัดทิ้งทั้งมือ สอดคล้องกับพระพุทธพจน์บทที่ว่า พึงสละอวัยวะ เพื่อรักษาชีวิต แต่พึงสละชีวิต เพื่อรักษาธรรม

 

 

วันนี้ ขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2563 ข้ามปีเก่ามาแล้ว เรื่องราวจะเดินไปยังไง พระสังฆราชอัมพร จะเดินตามวิถีทางของ "สมเด็จพระญาณสังวร" พระองค์ก่อนหรือไม่ อีกไม่นาน Two Popes Thai ถ้าไม่เข้าโรง ก็คง..ลงโลง

 

 

 

อะลิตเติ้ลบุ๊ดด่ะ ดอทคอม รายงาน : 5 มกราคม 2563

 

 

 

 

WWW.ALITTLEBUDDHA.COM WAT THAI LAS VEGAS 2920 MCLEOD DRIVE LAS VEGAS NEVADA 89121  U.S.A.  PHONE. 702-384-2264